สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรายชื่อโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ) ระยะแรก ที่มีสิทธิเข้าร่วมจับสลากเป็นผู้เสนอขายไฟฟ้าในโครงการดังกล่าวมีจำนวน 167 ราย กำลังการผลิตสูงสุดรวม 835 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเป็นกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตรทั้งหมด ขณะที่กลุ่มราชการถูกตัดสิทธิเพราะขัดหลักเกณฑ์พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ)
ขณะที่การจับสลากจะมีขึ้นในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 300 MW ซึ่งเป็นโควตาเฉพาะส่วนของกลุ่มสหกรณ์ฯ จากที่เดิมโครงการดังกล่าวจะรับซื้อไฟฟ้าระยะแรกรวมจำนวน 600 MW จะมาจากกลุ่มสหกรณ์ฯและกลุ่มราชการอย่างละ 300 MW ขณะที่โควตาของกลุ่มราชการที่ไม่ได้รับการคัดเลือกในรอบนี้จะถูกนำไปรวมในการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในระยะที่ 2 ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อทั้งสิ้นรวม 500 MW จากเดิมที่จะเปิดเพียง 200 MW เท่านั้น
"นโยบายก็คือจะยังดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ ยังเป็นเป้าหมายเดิมที่จะรับซื้อรวม 800 MW แบ่งเป็นสหกรณ์และราชการอย่างละครึ่ง การที่ฝ่ายราชการถูกตัดสิทธิรอบนี้ก็ต้องไปดูเรื่องพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่งเรื่องที่กระทรวงการคลังรับผิดชอบต้องดูว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ที่ผ่านมาแม้จะมีการแก้ไขบ้างแล้ว แต่ก็ต้องมีการประชุมให้มีความมั่นใจมีการหารือหรือตีความให้เรียบร้อย กระทรวงพลังงานยืนยันตามเป้าหมายเดิมอะไรที่ไม่ครบต้องทำให้ครบ อะไรติดปัญหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยแก้ปัญหา ยกเว้นแก้ไม่ได้จริงๆก็ต้องมาทบทวนนโยบาย นโยบายเกิดจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กพช.ถ้ามีปัญหาก็นำเข้ากพช.ว่าถ้าไปไม่ได้จะปรับปรุงอย่างไร ตอนนี้ก็รอก่อนยังไม่ถึงทางตัน"พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าว
ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า การพิจารณารายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมจับสลากโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯระยะที่ 1 ครั้งนี้พิจารณาข้อมูลที่ให้เจ้าของโครงการยื่นเอกสารภายในวันที่ 20 พ.ย.58 ที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงานราชการซึ่งรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งหมดต้องเข้าสู่ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แต่ข้อมูลที่ยื่นภายในวันดังกล่าวหน่วยงานราชการทั้งหมดไม่ได้ทำตามกระบวนการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯแต่อย่างใด ทำให้ถูกตัดสิทธิทั้งหมด
ดังนั้น การจับสลากที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ก็จะคัดเลือกเฉพาะโควตาของสหกรณ์ฯที่จะรับซื้อไฟฟ้าจำนวน 300 MW จากจำนวนโครงการที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด 167 ราย กำลังการผลิตสูงสุดรวม 835 MW ขณะที่โควตาในส่วนของกลุ่มราชการจะถูกนำไปเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าของโครงการดังกล่าวในระยะที่ 2 ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะทำให้การรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเป็น 500 MW จากเดิมที่จะรับซื้อ 200 MW โดยในส่วนนี้แบ่งเป็นโควตาของกลุ่มราชการ 400 MW และคงเหลือโควโตาของกลุ่มสหกรณ์ 100 MW โดยโครงการระยะที่ 2 จะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 61
อนึ่ง โครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯระยะแรกมีผู้ยื่นเสนอขอขายไฟฟ้าทั้งสิ้น 604 ราย จำนวนรวม 2,835.50 เมกะวัตต์ แต่การประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นเพื่อเข้าร่วมจับสลากในครั้งนี้มีเพียง 167 ราย กำลังการผลิตสูงสุดรวม 835 เมกะวัตต์ ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้เสนอขายไฟฟ้าจะต้อง COD ภายในวันที่ 31 ธ.ค.59
นายวีระพล กล่าวว่า การจับสลากในวันที่ 21 เม.ย.นั้น ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติต้องนำเอกสารใบตอบรับคำขอมาลงทะเบียนเพื่อทำการจับสลากในวันที่ 21 เม.ย.59 เวลา 08.00-09.30 น. โดยผู้ที่มาลงทะเบียนก่อนจะมีสิทธิได้จับสลากก่อน คาดว่าจะใช้เวลาในการประมวลผลและสรุปข้อมูลเบื้องต้นของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกได้ในวันเดียวกัน
"เราจะจัด priority ใครมายื่นตอนเช้า ก็จะได้จับก่อน เราคาดว่าประมาณสักเที่ยงน่าจะเสร็จสิ้น พอเสร็จสิ้นจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงในการประมวลผล จริงๆแล้วเรามีคอมพิวเตอร์ในการประมวลผล แต่เราเอา manual ด้วยเพื่อป้องกัน error ก็จะใช้เวลาไม่เกิน 2ชั่วโมง ก็จะเป็นการประกาศอย่างไม่เป็นทางการ เสร็จแล้วผลนี้จะมีคณะอนุกรรมการฯจับสลากจะมาพิจารณาอีกที ก็จะเสนอบอร์ดอีกครั้ง และจะประกาศเป็นทางการในวันที่ 26 เมษายน เหลือเท่าไหร่ก็ทบไปครั้งหน้า 167 ราย 835 เมกะวัตต์เราจะรับแค่ 300 เมกะวัตต์เท่านั้นเอง"นายวีระพล กล่าว
สำหรับสหกรณ์ที่ผ่านคุณสมบัติในรอบนี้ อาทิ สหกรณ์ผู้ใช้น้ำดอนทราย จำกัด, สหกรณ์กรมปศุสัตว์อ่างทอง จำกัด, สหกรณ์โคเนื้อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยเขตกำแพงแสน, สหกรณ์การเกษตรบางปลาม้า จำกัด, สหกรณ์การเกษตรป่าโมก จำกัด, สหกรณ์การเกษตรบ้านหมอ จำกัด, สหกรณ์ชาวสวนมะพร้าวประจวบคีรีขันธ์ จำกัด, สหกรณ์การเกษตรองครักษ์สุพรรณบุรี จำกัด, สหกรณ์การเกษตรบางปะหัน จำกัด และ สหกรณ์การเกษตรท่าวุ้ง จำกัด เป็นต้น
นายวีระพล กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการรับซื้อไฟฟ้าของ กกพ.หลังจากที่ได้ผู้ผลิตตามโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (ไม่รวมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์) ในแบบ Feed-in Tariff พ.ศ.2559 สำหรับพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นระยะที่ 1 ประเภทเชื้อเพลิงและกำลังการผลิตติดตั้งเป็นก๊าซชีวภาพ คือบริษัท พลังงานไทยเสริมสุข จำกัด ภายใต้ชื่อโครงการบาเจาะไบโอก๊าซ กำลังการผลิต 2 MW แล้ว หลังจากนี้จะออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าประเภทเชื่อเพลิงชีวมวล จำนวนไม่เกิน 36 MW ในพื่นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/59
หลังจากนั้นจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะชุมชน จำนวน 500 MW ,ขยะอุตสาหกรรม 50 MW และขยะในพื้นที่ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอชายแดนภาคใต้ อีก 4 MW ในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ปีนี้ด้วย
ขณะที่การเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (ไม่รวมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์) ในแบบ Feed-in Tariff ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากทั่วประเทศจะมีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ด้านนายอังกูร ถิ่นพนม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเทค เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมจับสลากโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯในครั้งนี้ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเป็นผู้สนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มดังกล่าวรวม 7 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการในกลุ่มราชการ 4 โครงการ และสหกรณ์ 3 โครงการ
ทั้ง 3 โครงการของกลุ่มสหกรณ์นั้น จำนวน 1 โครงการอยู่ในพื้นที่สีม่วง และอีก 2 โครงการอยู่ในพื้นที่สีเขียว แต่โครงการในกลุ่มสหกรณ์ถูกตัดสิทธิ 1 โครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สีเขียว ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะมีผู้ประกอบการรายอื่นที่ถูกตัดสิทธิเช่นนี้เข้ามาร้องเรียน จนทำให้อาจมีปัญหาในการจับสลากได้ เนื่องจากมีกลุ่มสหกรณ์หลายรายที่ถูกตัดสิทธิเช่นนี้เหมือนกัน
แต่นายวีระพล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า การพิจารณาดังกล่าวนั้นกลุ่มสหกรณ์ที่มีพื้นที่ตั้งผลิตไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่สีเขียวนั้น สามารถได้รับการคัดเลือกทั้งหมด หลังจากรัฐบาลได้มีการแก้ไขปัญหาผังเมืองแล้ว แต่การพิจารณาไม่ได้คำนึงพื้นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว ยังได้พิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์คุณสมบัติของสหกรณ์ที่เสนอโครงการเข้ามาตรงกับประกาศประกอบกันด้วย