นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.88 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ ระดับ 34.84/86 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 34.85-35.95 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้บาทค่อนข้างผันผวนในกรอบ 10 สตางค์ ต้องจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ทาง แบงก์ชาติออกมาส่งสัญญาณเตือนการเก็งกำไร โดยพร้อมเข้าแทรกแซงหากเคลื่อนไหวผิดปกติ" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.80-34.95 บาท/ดอลลาร์
"พรุ่งนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ เพราะแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน ลงมาค่อนข้างเร็วยังไม่น่าหลุดแนวรับ" นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.15 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.94/97 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1370 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1366/1370 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,414.96 จุด ลดลง 1.04 จุด, -0.07% มูลค่าการซื้อขาย 46,009.29 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 140.53 ล้านบาท (SET+MAI)
- น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทาง
ของค่าเงินบาทในปัจจุบันว่า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ โดยล่าสุดเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นบ้าง
โดยเคลื่อนไหวที่ราว 34.80-35.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตาม sentiment ของตลาดที่ดีขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเหนือ 40
ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ประกอบกับท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน และโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ
กำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้ปรับลดค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บเงินในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.59 ลง 28.49
สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าเอฟทีในงวดดังกล่าวอยู่ที่ -33.29 สตางค์/หน่วย
- นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาค
อุตสาหกรรมในเดือนมี.ค.59 อยู่ที่ระดับ 86.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.1 ในเดือนก.พ.59 โดย
- กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เผยมียอดขาดดุลการค้าลดลง 88.2% ในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 1.08 ล้านล้านเยน (9.9 พันล้านดอลลาร์) โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากจากการปรับตัวลงของต้นทุน
การนำเข้าน้ำมันดิบ โดยมูลค่าการส่งออกของประเทศลดลง 0.7% เป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แตะที่ 74.12 ล้านล้าน
เยน ขณะที่การนำเข้าลดลง 10.3% แตะที่ระดับ 75.2 ล้านล้านเยน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียปรับตัวลงในวันนี้ หลังจาก
การประท้วงของคนงานในอุตสาหกรรมน้ำมันของคูเวตสิ้นสุดลงในวันนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันล้น
ตลาดอีกครั้ง โดยเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาน้ำมัน WTI เดือนพ.ค.ลดลง 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือเกือบ 3% สู่ระดับ 39.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงิน 2.50 แสนล้านหยวน (3.87 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาดในวันนี้ ซึ่งเป็น
หนึ่งในความพยายามเพื่อผ่อนคลายภาวะสภาพคล่องตึงตัว ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ
7 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต
- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี เผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.ร่วงลง 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็น
การปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง แต่หากไม่นับรวมราคาพลังงานซึ่งมีความผันผวนแล้ว
ดัชนี PPI เดือนมี.ค. ลดลง 0.1% จากเดือนก.พ. และลดลง 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี