แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า กกพ.เตรียมประกาศให้พื้นที่ 3 ตำบลใกล้เคียงท่าขนถ่ายถ่านหิน ของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ได้รับสิทธิการใช้เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้พัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า แม้ว่าจะไกลกว่ารัศมี 5 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าที่เป็นข้อกำหนดการใช้เงินกองทุนดังกล่าว เพื่อเอื้อต่อการพัฒนาโรงไฟฟ้ากระบี่ให้ดำเนินการได้สะดวกขึ้น
"ตัวโรงไฟฟ้ากระบี่ไม่มีใครคัดค้าน เพราะเป็นโรงไฟฟ้าเก่าที่มีอยู่เดิมที่ใช้ลิกไนต์ในการผลิต แต่โรงใหม่จะใช้ถ่านหินซึ่งดีกว่าเดิม รอบโรงไฟฟ้าไม่มีปัญหา ปัญหาคือท่าขนถ่ายถ่านหิน ซึ่งมีงานวิจัยแล้วว่าตรงนี้ได้รับผลกระทบ เราก็จะให้สิทธิตรงนี้ด้วย ถ้าโรงไฟฟ้ามีใบอนุญาตแล้วเราก็จะประกาศให้ได้ เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าคนที่ได้คือชุมชนรอบโรงไฟฟ้ารัศมี 5 กิโลเมตรได้อยู่แล้ว แต่เส้นทางที่มามีการศึกษาพบว่ามีผลกระทบ ตรงนี้ก็จะให้เป็นพื้นที่ประกาศด้วย เพื่อให้ได้รับสิทธิการใช้เงินกองทุน เอาเงินตรงนี้ไปพัฒนาท้องถิ่น การพัฒนาโรงไฟฟ้าก็น่าจะดีขึ้น"แหล่งข่าวจาก กกพ.กล่าว
ปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อยู่ระหว่างการเตรียมการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือน ธ.ค.62 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) จากหน่วยงานภาครัฐ ท่ามกลางกระแสการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ 3 ตำบลที่อยู่ใกล้เคียงท่าขนถ่ายถ่านหิน ได้แก่ ตำบลคลองขนาน ตำบลตลิ่งชัน และตำบลเกาศรีบอยา อยู่ในอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่
ขณะเดียวกัน กฟผ.ยังมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดจำหน่ายเอกสารประกวดราคาด้านเทคนิคและราคา (Bidding Documents) เพื่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมทั้งท่าเทียบเรือและระบบสายพานลำเลียงถ่านหิน โดยมีแผนจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 64 สำหรับโรงไฟฟ้าเทพา 1 ที่มีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าเทพา 2 กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 67 โดยแต่ละโรงใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า การจะประกาศให้พื้นที่ 3 ตำบลใกล้เคียงท่าขนถ่ายถ่านหินของโรงไฟฟ้ากระบี่เป็นพื้นที่ที่จะได้รับสิทธิใช้เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้านั้น ต้องรอให้การจัดทำ EHIA ผ่านเรียบร้อยแล้ว โรงไฟฟ้ามาขออนุญาตและได้รับใบอนุญาตการดำเนินการแล้ว กกพ.จึงจะสามารถอนุมัติให้ดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น กกพ.อาจจะออกคำชี้แจงเพื่อให้ กฟผ.ไปนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ก่อน
สำหรับเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เรียกเก็บจากผู้รับในอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้านำส่งเข้ากองทุนตั้งแต่เริ่มต้นก่อสร้างจนถึงสิ้นสุดการผลิตไฟฟ้า โดยระหว่างก่อสร้างให้นำส่งในอัตรา 5 หมื่นบาท/เมกะวัตต์/ปี หรือไม่น้อยกว่า 5 หมื่นบาท/ปีนับตั้งแต่วันเริ่มก่อสร้าง ขณะที่ระหว่างการผลิตไฟฟ้าให้นำส่งตามพลังานไฟฟ้าที่ผลิตได้ในอัตราที่กำหนด/หน่วย ซึ่งขึ้นกับตามประเภทของเชื้อเพลิง ซึ่งในส่วนนี้ผู้ผลิตไฟฟ้าสามารถเรียกคืนได้หากมีการขายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้า เนื่องจากเม็ดเงินดังกล่าวจะถูกนำไปคิดรวมในอัตราค่าไฟฟ้า โดยเงินกองทุนจะถูกนำมาใช้พัฒนา หรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกว่า 10 แห่งที่ไม่ได้จ่ายเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามที่กำหนด และมีโรงไฟฟ้าขนาดเล็กอีกหลายแห่งที่เบื้องต้นพบว่ามีการผลิตไฟฟ้า โดยไม่ได้ขอใบอนุญาต เช่น การผลิตไฟฟ้าตามเกาะต่าง ๆ หรือรีสอร์ทบางแห่ง ซึ่งระบบไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง ซึ่งกกพ.จะดำเนินการตรวจสอบและให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นมาแจ้งขอใบอนุญาตภายใน 60 วัน ซึ่ง กกพ.อยู่ระหว่างการติดตามเพื่อให้จ่ายเงินเข้าระบบของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาใช้พัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นรอบโรงไฟฟ้า