ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.22/23 แกว่งแคบหลังกนง.คงดอกเบี้ยตามคาด-จับตาผลโหวต Brexit

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 22, 2016 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.22/23 บาท/ดอลลาร์ ใกล้ เคียงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.24/26 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะจากปัจจัยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ ออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% ส่วนช่วงค่ำนี้คงต้องติดตามการแถลงนโยบายการเงินอีกครั้ง ของนางเจเน็ต เยเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีต่อสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ

"วันนี้บาททรงๆ ตัว กรอบไม่กว้างมาก ระหว่างวันทำ low สุดที่ 35.21 และ high สุดที่ 35.27 พอ กนง.แถลงคง ดอกเบี้ย เงินบาทก็กลับมาแข็งค่าเล็กน้อย 3 สตางค์ จากนั้นก็ทรงๆ มาตลอด" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.15-35.30 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องจับตาผลการลง ประชามติของชาวอังกฤษว่าจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.52 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.50/53 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1292 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1240/1245 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,424.68 จุด ลดลง 6.12 จุด (-0.43%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 43,658 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 91.43 ลบ.(SET+MAI)
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยคณะ
กรรมการฯ ประเมินแล้วเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปีตาม
คาด ในขณะที่ภาวะการเงินในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมเห็นว่าการรักษาขีดความ
สามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space) ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในระยะต่อ
ไป

ทั้งนี้ในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่อง และพร้อมที่จะใช้เครื่องมือ เชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อให้ภาวะตลาดเงินโดยรวมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการ เงินของประเทศ

  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดคาดการณ์ เศรษฐกิจไทยในปี 60 เหลือโต 3.2% จากเดิมคาดเติบ
โต 3.3% หลังประเมินเศรษฐกิจขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินเล็กน้อยตามการส่งออกสินค้าที่ปรับลดลง

ส่วนในปี 59 นี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะอยู่ที่ -2.5% จากเดิมคาด -2.0% ก่อนปรับเป็นขยายตัว 0.0% ในปี 60 จากก่อนหน้าที่คาดว่าขยายตัว 0.1% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 59 อยู่ที่ 0.8% และในปี 60 จะขยับขึ้นมาเป็น 1.0% ส่วน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 59 จะอยู่ที่ 0.6% และในปี 60 จะขยับขึ้นไปเป็น 2.2%

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่ามีเครื่องมือในการรองรับสถานการณ์กรณีที่อังกฤษจะลงประชามติแยกตัว
ออกจากสหภาพยุโรป หรือ EU (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 1.5 แสนล้านหยวน (2.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ตลาดใน
วันนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยดำเนินการผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน ซึ่งเป็น
กระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต สำหรับอัตราผลตอบแทนในการอัด
ฉีดเงินดังกล่าวอยู่ที่ 2.25% ไม่เปลี่ยนแปลง
  • นายเดวิด คาเมรอน แคเมอรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ขึ้นปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนโหวตให้อังกฤษยังคงเป็น

สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ต่อไป ในการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ โดยขอให้ประชาชนอย่าทำร้ายบุตรหลาน

ตนเองด้วยการโหวตให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป เพราะผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมากที่สุดคือ

บุตรหลานของเราเอง ผลของการตัดสินใจครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งหากอังกฤษต้องออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

จริง ก็จะไม่สามารถกลับเข้าไปได้อีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ