(เพิ่มเติม1) ครม.อนุมัติหลักการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตอ. เชื่อมโยงคมนาคมขนส่งทุกด้าน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 28, 2016 18:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน โดยดำเนินการใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา โดยจะต้องมีการบูรณการเชื่อมโยงทั้งระบบ ทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการดึงดูดการลงทุนภาคเอกชน ได้แก่ ท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง คือ สุวรรรภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทั้งทางถนน ทางราง ทางเรือ และทางอากาศ เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง ลดเวลาในการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนโลจิสติกส์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำรายละเอียดโครงการฯโดยให้มีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ที่คำนึงถึงการเชื่อมโยงทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน แผนดำเนินการด้านผังเมือง การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว และผลประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ซึ่งงานบางส่วนได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว

นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนในส่วนของภาครัฐไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท โดยมีพื้นที่เป้าหมายระยะแรก 2 จุด คือ บริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง และบริเวณแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนเพิ่มเติมอีกราว 3 หมื่นไร่

โครงการดังกล่าวจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือของอาเซียนเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทวายในเมียนมา/ท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชา/ท่าเรือวังเตาของเวียดนาม นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม ได้แก่ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ด, การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา, การตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน, การขยายท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด, การพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางบก เป็นต้น

"วันนี้ ครม.ยังไม่ได้พิจารณาถึงงบลงทุน แต่คาดว่าทั้งโครงการไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งจะดึงดูดการลงทุนได้อีกหลายเท่าตัว อีก 3 เดือนคงจะเห็นภาพที่ชัดเจน"นายปรเมธี กล่าว

ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดทำรายละเอียดโครงการพัฒาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) โดยให้มีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ ทางอากาศ และคำนึงถึงการเชื่อมโยงทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน แผนดำเนินการด้านผังเมือง การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว และผลประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบดูแลโครงการนี้

ทั้งนี้ได้มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยังขาดอยู่ ทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง การสร้างท่าเรือเฟอร์รี่ ซึ่งส่วนนี้อาจจะติดเรื่อง EIA โดยที่ผ่านมาได้มีเอกชนทำการศึกษาและนำเสนอมาที่กระทรวงคมนาคมแล้วซึ่งจะไปเพิ่มเติมในแผนใหญ่ โดยจะช่วงร่นเวลาเดินทางจากแหลมฉบังไปหัวหิน

ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่าในส่วนที่กระทรวงคมนาคมจะดำเนินโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีบางส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา อยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ จะแล้วเสร็จใน ส.ค.59 และจะรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันรองรับ 3 แสนคนต่อปี และโครงการบางส่วนที่ดำเนินการได้ทันที และบางส่วนเตรียมขออนุมัติ อาทิ นิคมอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งแผนเดิมมี 3 ระยะโดยระยะที่ 1 ดำเนินการปี 59-60 ระยะที่ 2 ดำเนินการในปี 61-63 และระยะที่ 3 ดำเนินการในปี 64-70 แต่นายกรัฐมนตรีต้องให้ร่นระยะเวลาดำเนินงาน ให้จบในปี 63 ก็คาดว่าจะเหลือเพียง 2 ระยะ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ