พาณิชย์ เตรียมเปิดให้จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 4 ก.ค.นี้ หลังกม.มีผลบังคับใช้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 1, 2016 16:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 สำนักงานทะเบียนหลักประกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะเริ่มเปิดให้จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจได้ หากผู้ประกอบธุรกิจมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ก็สามารถนำมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการกำหนดให้มีผู้รับหลักประกันเพิ่มเติมนอกเหนือจากสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้จะเป็นการกำหนดให้บุคคลอื่น สามารถเข้ามาเป็นผู้รับหลักประกันตามกฎหมายได้เพิ่มเติม เช่น นิติบุคคลเฉพาะกิจที่มีวัถตุประสงค์เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ และผู้ประกอบธุรกิจแฟคตอริ่ง เป็นต้น

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 เพื่อให้มีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ไม่สามารถจำนองหรือจำนำมาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ในลักษณะที่ผู้ให้หลักประกันไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันให้แก่ผู้รับหลักประกัน อันจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยสามารถนำกิจการ สิทธิเรียกร้อง สินค้าคงคลัง วัตถุดิบในการผลิตสินค้า และทรัพย์สินทางปัญญามาเป็นหลักประกันได้ อีกทั้งพระราชบัญญัติฯ นี้จะมีระบบบังคับหลักประกันที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ให้หลักประกัน และยังเป็นการลดภาระของศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีด้วย

"กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาส และช่องทางให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนสถาบันการเงินก็จะมีทางเลือกในการรับหลักประกันได้เพิ่มมากขึ้น มีความมั่นใจในการให้สินเชื่อ เนื่องจากหลักประกันมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน รวมถึงกระบวนการบังคับหลักประกันตามกฎหมายมีความรวดเร็วขึ้นไม่ทำให้มูลค่าของหลักประกันด้อยค่าลง และเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว ก็จะทำให้อันดับของ Ease of Doing Business เพิ่มมากขึ้น อันจะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้งธุรกิจ และเป็นประเทศที่น่าลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"ผอ.สศค.กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ