ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.04/06 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อ มองกรอบพรุ่งนี้ 35.00-35.10

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 4, 2016 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.04/06 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.05 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วง 35.03-35.08 บาท/ดอลลาร์ สำหรับเงินบาทที่ปรับตัวแข็ง ค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงนี้เป็นเพราะความกังวลจากข่าว Brexit เริ่มลดลง แต่ขณะเดียวกันตลาดกลับมาให้ความสนใจกับแนว โน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ธนาคารกลางของประเทศใหญ่ๆ มีแนวโน้มจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา อย่างไรก็ดี ตลาดมองว่าความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้คงจะเหลือเพียงครั้งเดียว เท่านั้น ซึ่งคงต้องพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกันไปด้วย

"วันนี้บาทวิ่งแคบๆ ในกรอบ 35.03-35.08 ช่วงนี้ที่บาทลงมาเพราะข่าว Brexit เริ่ม fade ออกมา แต่ไปกังวล เรื่องเศรษฐกิจโลกแทน จากที่ประเทศใหญ่ๆ อาจจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯในปีนี้คง เหลือแค่ครั้งเดียว" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00 - 35.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 102.60 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.60 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1120 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1135 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,454.56 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด (+0.66%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 54,032 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,417.39 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน มิ.ย.59 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ระดับ
49.7 มาอยู่ที่ระดับ 50.4 หลังจากที่ทรงตัวใกล้เคียงระดับ 50 ต่อเนื่องมา 2 เดือน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจัยชั่วคราวเป็น
สำคัญ ตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ
ขั้นมูลฐานที่คลายความกังวลด้านต้นทุน ประกอบการจากการปรับลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกหลังจากขึ้นไปสูงมากใน
เดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการผลิตและผลประกอบการปรับดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่ออุปสงค์ในประเทศ สะท้อนจากสัดส่วนผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่มองว่าความ ต้องการจากตลาดในประเทศต่ำเป็นข้อจำกัดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

  • รมว.พาณิชย์ คาดว่า ในปีนี้จะมีผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และกลุ่มธุรกิจรายใหม่ (สตาร์ท อัพ)
กล่า 3 แสนราย เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจได้ง่ายขึ้นหลังจาก พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้
อย่างเป็นทางการต้นเดือน ก.ค.59 ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพิ่มขึ้น
  • ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่มีแผนจะปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากในปัจจุบันที่จัดเก็บใน
อัตรา 7% เนื่องจากขณะนี้ยังมีแรงผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ ซึ่งการพิจารณาการจัดเก็บ VAT จะมีการพิจารณาความเหมาะสม
เป็นปีต่อปี
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่เฟดยังคงพิจารณาว่าการ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้นถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม พร้อมกันนี้เฟดจะค่อยๆ ปรับลดขนาดการผ่อนคลายนโยบายการ
เงิน เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของเฟด
  • รัฐมนตรีคลังอังกฤษ มีแผนที่จะปรับลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 20% เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาค
ธุรกิจ ภายหลังจากที่อังกฤษตัดสินใจถอนตัวจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ซึ่งแผนการดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด จากที่
ก่อนหน้านี้ รมว.คลังอังกฤษได้วางแผนที่จะลดภาษีลงเหลือ 17% ภายในปี 2563 ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนิติบุคคลของอังกฤษต่ำสุดใน
บรรดากลุ่มประเทศ G20
  • นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ เตรียมจัดแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดการ
ความเสี่ยงในระบบการเงิน โดยคาดว่า นายคาร์นีย์ อาจจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการในการสนับสนุนเศรษฐกิจ กระตุ้น
การปล่อยกู้ และส่งเสริมการลงทุน
  • เงินปอนด์ได้แข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายวันนี้ หลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก เหตุอังกฤษลงมติ
แยกตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) โดยแข็งค่าขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะใช้
มาตรการรับมือกับภาวะไร้เสถียรภาพในตลาด

นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังได้รับแรงหนุนหลัง รมว.คลังอังกฤษ ระบุว่าอาจมีการปรับลดภาษีองค์กรเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ ดังกล่าว ขณะที่ตลาดจับตาดูถ้อยแถลงของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้

  • มาร์กิตส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของอังกฤษในเดือนมิ.ย.59 หดตัวลงสู่ระดับ
46 จากระดับ 51.2 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากผลการลงประชามติที่อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ Brexit ซึ่ง
กลายเป็นเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างที่พักอาศัย
  • ธนาคารกลางจีน ได้ดูดซับเม็ดเงินจำนวน 1.8 แสนล้านหยวน (2.7 หมื่นล้านดอลลาร์) ออกจากตลาดในวันนี้
  • สัปดาห์นี้สหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำค้ญ เช่น ยอดส่งออก-นำเข้า-ดุลการค้าเดือนพ.ค., คณะ

กรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมของวันที่ 14-15 มิ.ย., ตัวเลข

การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ