รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2559-2563) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยมีปัจจัยชี้วัดความสำเร็จด้านพัฒนาการและเสถียรภาพของระบบประกันภัย ดังนี้ สัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Insurance Penetration) อยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของโลก อยู่ที่ 6.2%, จำนวนกรมธรรม์ประกันชีวิตต่อประชากรอยู่ที่ 50%,
มูลค่าเบี้ยประกันภัยต่อหัว (Insurance Density) ของไทยอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยมูลค่าเบี้ยประกันภัยต่อหัวของโลก ระหว่าง 18,000 – 23,000 บาท, ระดับความสำเร็จของการยกระดับความมั่นคงทางการเงินโดยบริษัทประกันภัยสามารถดำรงเงินกองทุนได้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดในปัจจุบัน
ทั้งนี้ อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR ratio) ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 140%
ขณะที่สัดส่วนเรื่องร้องเรียนที่เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนของสำนักงาน คปภ.ต่อจำนวนกรมธรรม์ประกันภัย จะต้องไม่เกิน 0.016%