ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.97/99 กลับมาแข็งค่าจากช่วงเช้า เม็ดเงินไหลเข้าหนุนผลจากประชามติรับร่างรธน.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 8, 2016 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 34.97/99 แข็งค่าจาก ตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.01/03 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันทดสอบ High ที่ 35.03 บาท/ดอลลาร์ และทดสอบ Low ที่ 34.93 บาท/ดอลลาร์

"ภาพรวมวันนี้ย่อลงมาหลังจากวันศุกร์ขึ้นค่อนข้างแรงหลังตัวเลข Non Farm ออก บาทอ่อนค่าจาก 34.81 ขึ้นไป ทำ High 35.10 แต่วันนี้ปิดตลาดแข็งค่าลงมาจากประเด็นการออกเสียงประชามติด้วย ซึ่งมองว่าเป็นข่าวดี เงินเข้ามาที่หุ้นโดย วันนี้ตลาดหุ้นบวกขึ้นมากว่า 20 จุด ตอบรับจากข่าวดีนี้ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นแค่ระยะสั้น เงินบาทถ้าขึ้นไปเหนือ 35 บาท/ ดอลลาร์น่าจะมีแรงขาย" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทระหว่าง 34.85-35.10 บาท/ดอลลาร์

"ทั้งนี้มองว่าบรรยากาศการลงทุนน่าจะดีขึ้น น่าจะเห็นเงินเข้ามาในช่วงนี้ค่อนข้างเยอะ มองว่าถือเป็นสัญญาณที่ดี" นัก

บริหารเงิน กล่าว

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.40 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 102.10 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1090 ดอลลาร์/ยูโร ทรงตัวจากตอนเช้า
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,542.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.57 จุด, +1.55% มูลค่าการซื้อขาย 76,292.36 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 6,822.07 ลบ.(SET+MAI)
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติไปได้ด้วยดีจะส่งผลดี
ต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพราะทิศทางของประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้พุ่งแรงเป็นการ
สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนหลังจากปัจจัยความไม่นอนทางการเมืองหมดไป และคาดว่าจะมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้า
มาในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ อาจส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าในระยะสั้น
  • กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังผลโหวตของประชาชนออก
มารับร่างรัฐธรรมนูญว่า น่าจะส่งผลต่อเงินทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากช่วงเช้าที่ผ่านมาที่มี Fund Flow เข้ามา
มากขึ้น โดยหุ้นกลุ่มที่น่าจะได้รับความน่าสนใจอย่างมาก น่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และ infrastructure เนื่องจากมองว่า
การรับร่างรัฐธรรมนูญจะส่งผลดีต่อรัฐบาลในการเดินหน้าโรดแมพต่าง ๆ ของประเทศให้เกิดขึ้น และเชื่อว่าสิ่งที่จะเป็นผลดีมากขึ้น
หลังจากนี้ คือการลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคภาคเอกชน
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า หลังประชามติผ่านความเห็นจากประชาชนจะเป็นสัญญาณที่ดีที่เอื้อ
ต่อการตัดสินใจลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาต่างประเทศอาจยังไม่เชื่อมั่นในการเมืองไทย แต่เมื่อประชามติผ่านมีโรดแมพที่นำ
ไปสู่การเลือกตั้งที่ชัดเจน น่าจะทำให้ต่างชาติโล่งใจ และมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งฝ่ายเศรษฐกิจจะเดินหน้าทำงานในโครงการต่างๆที่
เคยประกาศไว้อย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาที่เหลือประมาณอีก 1 ปีข้างหน้า
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีผลการลงประชามติเพื่อรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐ
ธรรมนูญ ซึ่งเบื้องต้นผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบรับร่างฯ ว่า ผลที่ออกมาแปลว่าจากนี้
ต่อไปประเทศไทยก็ยังคงเดินหน้าต่อในการบริหารประเทศ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลคงจะทำตามโรดแมพที่วางไว้ เพื่อเข้าสู่กระบวน
การนำพาประเทศสู่ประชาธิปไตย
  • สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงการที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านประชามติไปเรียบร้อย
แล้วนั้น ทำให้เห็นกรอบการทำงานของรัฐบาลที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นจากการเดินหน้าไปตามโรดแมพที่วางไว้ เพื่อมุ่งไปสู่การ
จัดการเลือกตั้งในปี 60

ขณะที่ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้มากน้อยเพียงใดนั้นคงไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยทางการเมืองเรื่องเดียว แต่ยังมีเรื่องปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่เข้ามาประกอบด้วย เช่น เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี ความพร้อมของกำลังคน ยุทธศาสตร์ของภาครัฐ ในการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ดี มองว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่มีเนื้อหาที่มุ่งเน้นให้เกิดการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นมากนัก ซึ่ง การเมืองระดับท้องถิ่นนี้เองเชื่อว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้เป็นอย่างดีมากกว่า

  • คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ผลประชามติ
ร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงเป็นบวกต่อตลาดหุ้นและการลงทุนในตลาดเงินแต่ไม่มีนัยสำคัญมากนัก โดยตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวดีขึ้นใน
ช่วงสั้นๆเท่านั้น เนื่องจาก P/E ratio หรือ อัตราส่วนของราคาต่อกำไรของตลาดหลักทรัพย์และหุ้นพื้นฐานดีจำนวนมากอยู่ในระดับที่
สูงมากอยู่แล้ว

ส่วนเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกอย่างน้อย 5-10% จากระดับปัจจุบัน ทางด้านภาคเศรษฐกิจจริงไม่มีอะไรเปลี่ยน แปลงอย่างมีนัยสำคัญ ภาคส่งออกจะยังคงขยายตัวต่ำหรืออาจติดลบต่อ ภาคการผลิตและการลงทุนภาคเอกชนกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย ภาคท่องเที่ยวยังคงดีกว่าที่คาดการณ์เช่นเดิม ภาคการบริโภคและความเชื่อมั่นผู้บริโภคกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยจากการคาดหวังที่จะมีการ เลือกตั้งในปีหน้า

  • ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า หลังผลโหวตของประชาชนออกมารับร่างรัฐ
ธรรมนูญ เชื่อว่าทุกอย่างจะราบรื่น ดีขึ้นทั้งหมด เพราะมีความแน่นอน ชัดเจน ถ้ารัฐบาลและข้าราชการทำงานง่ายขึ้น ในส่วนของนัก
ธุรกิจมีความมั่นใจมากขึ้น
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 28-26 ก.ค. ในวันนี้ ซึ่ง
เผยให้เห็นว่าคณะกรรมการบริหารของ BOJ มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินในปัจจุบัน
ของ BOJ
  • กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีประจำเดือนมิ.ย. ออกมาดีกว่าที่
คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
  • ผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้ผลิตอังกฤษแสดงให้เห็นว่า ภาคการผลิตของอังกฤษยังขาดความเชื่อมั่นด้านการลง
ทุน แม้ว่าจะผ่านพ้นวิกฤตสินเชื่อตึงตัวเมื่อปี 2550-2551 มาแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ