ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คงคาดการณ์ GDP ปีนี้ขยายตัว 3.0% แม้ H1 ขยายตัวดีกว่าคาด แต่ H2 ยังเผชิญปัจจัยท้าทาย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 15, 2016 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 59 ไว้ที่ 3.0% เพื่อรอดูทิศทางการส่งออก รวมถึงการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ ซึ่งหากปัจจัยดังกล่าวมีทิศทางที่ดีกว่าที่ประเมินไว้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยอาจจะมีการทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเข้าใกล้กรอบบนของช่วงคาดการณ์ (2.5-3.5%)

วันนี้ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/59 ที่ 3.5% (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/59 ขยายตัวสูงกว่าไตรมาสแรก โดยตัวเลข GDP ที่ปรับฤดูกาลในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 0.8% (QoQ, s.a.) เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก โดยมีแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว 1.9% (QoQ, s.a.) จากการซื้อยานพาหนะที่เติบโตถึง 7.8% (QoQ, s.a.) รวมถึงการส่งออกภาคบริการที่ยังขยายตัวเป็นบวกจากไตรมาสก่อนหน้าได้

ขณะที่ในครึ่งปีหลัง 59 แม้ว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากผลของการรับร่างประชามติที่จะช่วยฟื้นบรรยากาศการลงทุนภาคเอกชน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเผชิญความเสี่ยงในหลายประเด็น รวมถึงเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. ที่ผ่านมาที่ต้องรอประเมินผลกระทบ โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเผชิญความท้าทายใน 4 ประเด็นหลัก คือ ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก โดยประเด็นเศรษฐกิจโลกที่สำคัญที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการฟื้นตัวของการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี ประกอบด้วย ความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในห้วงเวลาการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2559 รวมถึงความผันผวนของตลาดเงินของโลกจากแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักของโลกที่จะฉีกออกจากกันมากขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี 2559 นี้ ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงจีน และญี่ปุ่น ที่ยังสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางการส่งออกของไทยไปยังตลาดหลักเหล่านี้ให้ไม่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้

การท่องเที่ยว ซึ่งจากเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. ที่ผ่านมา ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบถึงการท่องเที่ยว รวมถึงความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในระยะต่อไป

การลงทุนภาคเอกชน ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม หลังจากที่ขยายตัวอย่างเชื่องช้าในช่วงครึ่งปีแรก และเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่อาจมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้น แม้คาดว่าการใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่จะมีความต่อเนื่องไปยังต้นปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. – ธ.ค. 2559) ประกอบกับผลของประชามติในการรับร่างรัฐธรรมนูญฯ น่าจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนจากเอกชนให้มีการลงทุนตามในระยะต่อไป

การบริโภคภาคเอกชน โดยผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในไตรมาสที่ 2 คงเริ่มหมดลง ยกเว้นแต่ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมา นอกจากนี้ ในด้านยอดขายรถยนต์ที่กลับมาขยายตัวสูงในไตรมาสที่ 2 นั้น แม้ว่าน่าจะยังรักษาระดับยอดขายในแง่จำนวนคันได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในแง่อัตราการขยายตัว (YoY) อาจเป็นตัวเลขติดลบถึง 2 หลักในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากผลของฐานเปรียบเทียบที่มีการเร่งซื้อรถยนต์ในช่วงปลายปี 2558 ก่อนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ