ก.เกษตรฯ เชิญภูฏานประชุมชลประทานโลกที่เชียงใหม่ ร่วมเดินหน้าพัฒนาระบบดิน-น้ำ

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday September 24, 2016 14:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในโอกาสเดินทางเยือนราชอาณาจักรภูฏาณอย่างเป็นทางการ นอกจากได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ภูฏาน เพื่อเร่งรัดและสานต่อความร่วมมือวิชาการด้านการเกษตรระหว่างสองประเทศแล้ว ยังถือโอกาสเชิญรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯภูฏาณ พร้อมคณะผู้แทนของภูฏานเข้าร่วมการประชุมชลประทานโลกครั้งที่ 2 ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 6 – 7 พฤศจิกายน 2559 นี้ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนร่วมกันตามเป้าหมายของการประชุมครั้งนี้ใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ

1. การแสวงหาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อสร้างความสมดุลระหว่าง น้ำ อาหาร พลังงานและระบบนิเวศ 2. ร่วมกำหนดวิธีการรับมือที่เหมาะสมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่มีผลต่อปริมาณน้ำทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง 3. การใช้ระบบชลประทานและการระบายน้ำเพื่อลดความยากจนและความหิวโหย โดยร่วมวางแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานให้เพียงพอที่จะสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยใช้ทำการเกษตร ซึ่งไทยจะนำเสนอพระอัจฉริยภาพด้านการบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ทั่วโลกได้รับรู้ด้วย

ขณะเดียวกัน นอกจากความร่วมมือเพื่อพัฒนาการชลประทานแล้ว ไทยและภูฏานยังเป็นสมาชิก "กลุ่มความร่วมมือด้านดินแห่งเอเชีย (Asian Soil Partnership: ASP)" สมาชิกทั้งหมด 19 ประเทศ รวมทั้งไทยและภูฏาน ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) มีวัตถุประสงค์ในการรวมกลุ่มพันธมิตรด้านการจัดการทรัพยากรดินของประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดินต่อการดำรงชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ทุกประเทศในโลกมีการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรดินให้เกิดความยั่งยืน โดยไทยได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ

ดังนั้น ในฐานะที่ไทยเป็นประธาน ASP จึงได้เชิญชวนให้ภูฏานร่วมการสนับสนุนการจัดทำแผนปฏิบัติการของภูมิภาค เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดความร่วมมือและการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อการอนุรักษ์ พัฒนา ฟื้นฟู ทรัพยากรดิน เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และขอเชิญผู้แทนของภูฏานเข้าร่วมประชุมเพื่อให้การรับรองแผนปฏิบัติการในเดือนธันวาคม 2559 นี้ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินของไทยจะได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดในรายละเอียดระหว่างกันต่อไป

พล.ต.ฉัตรชัย กล่าว่า ความร่วมมือดังกล่าวข้างต้น จะเป็นจุดเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป โดยเฉพาะประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทางภูฏาณในการแก้ไขปัญหาข้อจำกัดด้านการเกษตรของภูฏาน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เพาะปลูกมีจำกัดเพียง 2.3% ของพื้นที่ทั้งหมด ระบบชลประทานที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ดินมีคุณภาพต่ำ เกษตรกรยังทำการเกษตรแบบยังชีพ และทำไร่เลื่อนลอย รวมถึงการปศุสัตว์ที่ภูมิประเทศของภูฏาณมีสภาพที่เหมาะสมกับปศุสัตว์หลายชนิด

ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมวิเคราะห์ศักยภาพด้านพื้นที่ของภูฏาน รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ด้านปศุสัตว์ในภูฏาน พร้อมทั้งจัดการฝึกอบรมและศึกษาดูงานด้านปศุสัตว์ให้แก่ฝ่ายภูฏานในหลายๆ ด้าน ไม่เพียงแต่ความร่วมมือกันในการก่อสร้างโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์แห่งแรกขึ้นในภูฏานที่น่าจะมีการพัฒนามากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันมากขึ้น

ปัจจุบันภูฏานเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรกับไทยอันดับ 159 ระหว่างปี 2556 – 2558 มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยในสัดส่วน 0.0026% เมื่อเทียบกับที่ไทยค้าขายกับทั่วโลก โดยคิดเป็นมูลค่าสินค้าเกษตรเฉลี่ยปีละ 37 ล้านบาท และไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ามาตลอด โดยคิดเป็นมูลค่าส่งออก 36 ล้านบาท และนำเข้า 1 ล้านบาท สินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปภูฏาน คือ อาหารปรุงแต่ง และอาหารแปรรูป สินค้าเกษตรที่ไทยนำเข้าจากภูฏาน ได้แก่ เห็ด บิสกิตหวาน เชื้อพันธุ์สัตว์ สมุนไพร เป็นต้น ประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรที่สำคัญของภูฏาน คือ อินเดีย ฝรั่งเศส บังกลาเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ