นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 34.59/61 บาท/ดอลลาร์ จาก เย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 34.66/68 บาท/ดอลลาร์
"แนวโน้มแข็งค่า หลังจากเย็นวันศุกร์ปิดแถว 34.70 แต่ก็ไปได้ไม่ไกล High แค่ 34.72 รอดูตัวเลข Non Farm วัน ศุกร์"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.75 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 34.6350 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (30 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.34336% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (30 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.57100%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.35 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 101.04 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1240 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.1180 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 34.7050 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (3-7 ต.ค.)ที่ 34.60-34.90 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะยังคงอยู่ที่สัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิต/
ภาคบริการ รายจ่ายด้านการก่อสร้าง และยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน นอกจากนี้ ตลาดอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่ปัญหาในภาคธนาคารของ
เยอรมนี และข้อมูล PMI ของอีกหลาย ๆ ประเทศด้วยเช่นกัน
- ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย คงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 และ 2560 ไว้ที่ระดับร้อย
ละ 2.8 โดยยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้ในไตรมาส 2/59 จีดีพีเติบโตเกินกว่าการคาดการณ์ของ
ตลาดที่ร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากขยายตัวร้อยละ 3.2 ในไตรมาส 1 แต่เมื่อปรับตามฤดูกาลแล้ว อัตราการเติบโต
รายไตรมาสชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.0 เป็นร้อยละ 0.8
- ธปท.เผยประชาชนก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดยอดคงค้างหนี้แตะ 11.24 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.67
แสนล้านบาท ส่วนใหญ่แหล่งเงินกู้ครัวเรือนมาจากแบงก์พาณิชย์-แบงก์รัฐสหกรณ์
- บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่าแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย และดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝากของธนาคารพาณิชย์
ไทย ยังทรงตัวในระดับต่ำไปอีกนานกว่า 1 ปี โดยเฉพาะดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยสำหรับการกู้ซื้อบ้าน รถยนต์ รวมถึงสินเชื่อบุคคล
- สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุน
คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับธนาคารดอยซ์แบงก์ หลังมีข่าวว่าทางธนาคารใกล้บรรลุข้อตกลงกับทางการสหรัฐในการลดการจ่ายค่า
ปรับเหลือเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์ โดยเงินยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1230 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1212
ดอลลาร์สหรัฐ ด้านเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยนที่ระดับ 101.40 เยน จาก 101.16 เยน
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่ง
เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับธนาคารดอยซ์แบงก์
โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 8.90 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ
1,317.10 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่ง
ออกน้ำมัน (โอเปก) มีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรล
ต่อวัน ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการซึ่งจัดขึ้นที่แอลจีเรียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทว่าสัญญาน้ำมันปรับขึ้นในกรอบจำกัด เพราะตลาดยัง
คงไม่มั่นใจต่อข้อตกลงดังกล่าว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.24 ดอลลาร์/
บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 18 เซนต์ 0.4% ปิดที่ 49.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า จีนจะเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปทางการเงินและการเปิดตลาดต่อไป หลังจากที่กองทุน
การเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศรวมเอาเงินหยวนของจีนเข้าไว้ในตะกร้าเงิน SDR
IMF กล่าวว่า การรวมเอาเงินหยวนเข้าไว้ในตะกร้าเงิน SDR นับเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ทั้งสำหรับจีน IMF และระบบการเงินระหว่างประเทศ
- นายจอห์น ไครอัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารดอยซ์แบงก์จะเข้าร่วมประชุมประจำปีของกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศ (IMF) ที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์ว่า ซีอีโอดอยซ์แบงก์จะเจรจาและพยายามทำข้อตกลงกับ
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เพื่อขอลดค่าปรับให้เหลือเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดี
ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551