สมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council) ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายไทย 13 องค์กร และ ฝ่ายสหราชอาณาจักร 11 องค์กร ได้ประชุมร่วมกันครั้งแรกเพื่อหารือแนวทางในการขยายความร่วมมือของภาคเอกชนในการเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยการเปิดเจรจาธุรกิจระหว่างสมาชิกด้วยกันนั้นมีโอกาสที่ทาง Rolls Royce จะเข้ามาลงทุนต่อยอดเทคโนโลยีที่มีอยู่ในไทย
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) ในฐานะประธานคณะกรรมการสมาชิกฝ่ายไทย กล่าวว่า การที่ไทยมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ทำให้มีโอกาสที่จะมีการลงทุนใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยการหารือในวันนี้กลุ่ม Rolls Royce ก็สนใจที่จะพิจารณาการลงทุนต่อยอดจากศูนย์ซ่อมฯที่มีอยู่ในสิงคโปร์ เนื่องจากปัจจุบันมีลูกค้าในไทยหลายราย โดยเฉพาะ บมจ.การบินไทย (THAI) ที่ใช้เครื่องยนต์ Rolls Royce เป็นส่วนใหญ่ และลูกค้ากลุ่มพลังงาน โรงไฟฟ้า รวมถึงในกลุ่ม ปตท.ก็มีการใช้อุปกรณ์ของ Rolls Royce เป็นจำนวนมาก
"เท่าที่อยากเห็น เราก็ใช้อุปกรณ์เขาอยู่เยอะ ก็จะซ่อมแซมอุปกรณ์เหล่านี้ซึ่งเป็นอุปกรณ์มูลค่าเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน พวกเทอร์ไบน์ต่าง ๆ ที่ใช้ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา ตอนนี้ไม่ส่งไปสิงคโปร์ก็ต้องไปอังกฤษ ถ้าจะทำให้สะดวกขึ้นได้ก็จะดี ตอนนี้เขามีศูนย์ซ่อมใหญ่มากอยู่ที่สิงคโปร์อยู่แล้ว เขาคงไม่สามารถ duplicate มาที่นี่ แต่สิ่งที่เขาบอกคือการต่อยอดเทคโนโลยีก็เป็นไปได้ การที่จะมาร่วมมือกับทางศูนย์ซ่อมประเทศไทยของการบินไทยหรือบริษัทอื่น ๆ เพื่อให้สามารถ qualified ที่จะซ่อมของเขา ก็อาจจะเป็นความร่วมมือกัน ส่วน ปตท.ก็จะเป็นเพียงผู้ใช้บริการเท่านั้น"นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ กล่าวว่า การประชุมร่วมกันในวันนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการลงนามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีในการจัดตั้งสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 12 ก.ค.59 ณ กรุงลอนดอน โดยสมาชิกทั้งสองฝ่ายจะนำผลสรุปจากการประชุมเสนอต่อรัฐบาลในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อให้การค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้น
เบื้องต้นจะมีการจัดตั้งกลุ่มย่อย ตามหัวข้อต่าง ๆ ที่ได้หารือกัน ได้แก่ การดำเนินการเพื่อให้ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะดูด้านเทคโนโลยี ในด้านของการวิจัยและพัฒนา ความร่วมมือระหว่างกันเพื่อนำไปสู่การสร้างนักวิจัยและผลงานวิจัย ต่อยอดการลงทุนในอนาคต , การลงทุน ซึ่งมีบริษัทที่มีความพร้อมการลงทุนอยู่แล้วก็จะศึกษาร่วมกันว่ามีความสนใจลงทุนในด้านใดบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC, การเป็นโลจิสติกส์ฮับ ที่ปัจจุบันกองทัพเรือกำลังพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินแห่งชาติ และรัฐบาลยังจะพัฒนาพื้นที่รอบ ๆ ให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการลงทุนร่วมกัน ,การสนับสนุนให้การลงทุนและการค้าเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งระบบภาษี การอนุญาตวีซ่า และการมองหากลุ่มเอสเอ็มอี ที่จะมีส่วนในซัพพลายเชน ของระบบในการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ทั้งนี้ คาดว่าการหารือของกลุ่มย่อยจะมีผลชัดเจน เพื่อที่จะนำหารือในการประชุมสมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร ครั้งต่อไปในเดือนเม.ย.60 ที่อังกฤษ
ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การหารือในวันนี้อยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างกัน และโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคที่ไทยนับเป็นเกตุเวย์ไปสู่อาเซียน โดยหารือ 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ ข้อจำกัดและอุปสรรคในการทำธุรกิจ ,การมองโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน หลังจากปลดล็อกข้อจำกัดออกไปแล้ว และการที่ไทยจะยกระดับเป็นไทยแลนด์ 4.0 ทั้งในด้านบุคลากร และเทคโนโลยี
ภายใต้ 3 กรอบดังกล่าว ก็มีวาระร่วมกัน 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ การดำเนินการเพื่อให้การค้าขายและลงทุนระหว่างทั้ง 2 ประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น ,ปัญหาแรงงานไทยที่จะไปทำงานในอังกฤษ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายรับทราบข้อจำกัดระหว่างกัน ,ด้านเทคโนโลยี ซึ่งอังกฤษจะช่วยยกระดับความสามารถแข่งขันอุตสาหกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอากาศยาน และงานด้านการบริการ ซึ่งอังกฤษยังมีความสามารถในภาคบริการ รวมถึงในส่วนของอุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งในส่วนนี้ก็น่าจะช่วยในเรื่องของโอกาสการทำธุรกิจ และการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งก็จะนำข้อมูลต่าง ๆ ไปนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย
สำหรับระยะสั้นการดำเนินการจะเกิดเป็นรูปธรรมนั้นเมื่ออุปสรรคและข้อจำกัดต่าง ๆ ถูกปลดล็อกแล้ว ขณะที่ระยะกลางจะเป็นช่วง 1-3 ปี ที่จะเป็นเรื่องเทคโนโลยี และความร่วมมือเรื่องการช่วยเหลือขีดความสามารถต่าง ๆ ที่ไทยยังไม่มี และระยะยาว ใช้ไทยเป็นแพลตฟอร์มที่จะทำการตลาดเข้าไปเจาะตลาดในอาเซียน โดยใช้ไทยเป็นเกตุเวย์