ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.79/83 อ่อนค่าต่อจากความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย มองกรอบพรุ่งนี้ 34.70-34.90

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 5, 2016 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.79/83 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.77 บาท/ดอลลาร์

เย็นนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงจากช่วงเช้า เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ และยังส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงไปค่อนข้างมาก จากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากที่ FED ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้

ส่วนการที่ธนาคารโลก ปรับเพิ่มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้เป็น 3.1% จากเดิมที่เคยมองไว้ 2.5% นั้น ไม่ได้ มีผลทำให้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากมีแรงกดดันจากดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าอยู่แล้ว

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ต่อ มองการเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70 - 34.90 บาท/ ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.25 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.83 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1212 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1217 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,509.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.14 จุด (+0.01%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 44,667 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,090.62 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารโลก เปิดตัวรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุด คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์
มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยในปี 59 น่าจะเติบโตได้ราว 3.1% ดีขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะเติบโตได้ 2.5% โดยเชื่อ
ว่าการบริโภคยังมีส่วนช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป แม้จะยังอยู่ในระดับปานกลาง
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่าการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (พิโก
ไฟแนนซ์) อยู่ระหว่างรอประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าจะมีผลภายใน 1 เดือน หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มี
มติเห็นชอบ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันราว 1.23 แสนล้านบาทได้ทั้งหมด
  • กรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น
10.90% ดีเซล เพิ่มขึ้น 3.05% ส่วนก๊าซแอลพีจีลดลง 9.92% และก๊าซเอ็นจีวีลดลง 9.83%
  • ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ระหว่างปีพ.ศ. 2559-
2561 โดยคาดว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้จะยังคงเติบโตในระดับปานกลางตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้า ในรายงาน
ฉบับนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จะแข็งแกร่งที่สุดโดยจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 6.4% ในปีนี้ ในขณะที่เวียดนาม ซึ่งเผชิญกับภัย
แล้งอย่างรุนแรงในปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตที่ 6.3% ในปี 2560 สำหรับอินโดนีเซียคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างต่อ
เนื่องจาก 4.8% ในปี 2558 เป็น 5.5% ในปี 2561 หากอินโดนีเซียยังคงลงทุนในโครงการลงทุนของภาครัฐ และประสบความ
สำเร็จในความพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและเพิ่มรายได้ต่อไป สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจมาเลเซียนั้น คาดว่าจะลด
ลงจาก 5% ในปีผ่านมา เป็น 4.2% ในปี 2559 นี้ เนื่องจากความต้องการน้ำมันของโลกและการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลง
  • รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 มีกำหนดจะประชุมร่วมกันที่กรุงวอชิงตันในวันพรุ่งนี้
โดยคาดว่าที่ประชุมจะยืนยันการใช้เครื่องมือเชิงนโยบายทั้งหมด ซึ่งรวมถึงนโยบายการเงินและการปฏิรูปโครงสร้าง เพื่อกระตุ้นการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ถูกรุมเร้าด้วยภาวะชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมือง
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 3 สาขา ประสานเสียงหนุนเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อวานนี้ นายชาร์ลส์ อี
แวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก้ กล่าวที่โอ๊คแลนด์ว่า ควรจะมีการปรับขึ้นต้นทุนในการกู้ยืมอย่างเร็วที่สุดใน
การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้
  • นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ เช่น ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.

จาก ADP, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จาก

Markit, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อก

น้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ