(เพิ่มเติม) ธปท.ระบุเศรษฐกิจ ก.ย.ขยายตัวดีขึ้นจาก ส.ค.ตามการใช้จ่ายภาครัฐขับเคลื่อน-ส่งออกฟื้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 31, 2016 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.59 ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังขยายตัวดีและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ประกอบกับมูลค่าการส่งออกปรับดีขึ้นพร้อมกันหลายสินค้า จึงช่วยชดเชยภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มได้รับผลจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นบ้างในบางธุรกิจ สะท้อนจากการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออก ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอลงบ้าง เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาตามการใช้จ่ายหมวดสินค้าไม่คงทน

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในประเทศ อัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องตามดุลการค้าที่มูลค่าการส่งออกปรับดีขึ้น ขณะที่มูลค่าการนำเข้ายังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยชดเชยการขาดดุลบริการ รายได้ และเงินโอนในเดือนนี้

สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวดีต่อเนื่องทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของค่าตอบแทนบุคลากร และรายจ่ายโครงการด้านคมนาคมและชลประทาน ตามลำดับ ด้านรายได้จัดเก็บของรัฐบาลขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนตามรายได้ภาษีเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น ขณะที่รายได้ที่มิใช่ภาษีหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนจากผลของฐานสูง เนื่องจากรัฐบาลเร่งจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งในช่วงดังกล่าว

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองที่ 3.5% จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งหากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกขยายตัว 3.9% โดยเป็นการขยายตัวในหลายหมวดสินค้า ส่วนหนึ่งมาจากหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลดีจากการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ รวมทั้งหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผู้ผลิตขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในหลายตลาดโดยเฉพาะ CLMV ยุโรป และสหรัฐฯ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากมูลค่าการส่งออกสินค้าที่หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนในอัตราที่ลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ การส่งออกที่ทยอยปรับดีขึ้นสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับดีขึ้นเช่นกัน

การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่มีทิศทางปรับดีขึ้นบ้างจากเดือนก่อนตามการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออก นอกจากนี้ การลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทนยังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าที่ได้รับผลดีจากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโดยรวมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อนเพราะแม้ภาครัฐบาลมีการลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดการก่อสร้างของภาคเอกชนตามมา แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวเนื่องจากอุปสงค์ต่ำลงหลังจากหมดมาตรการภาครัฐ

สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัว 1.7% จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งหากไม่รวมการนำเข้าทองคำ มูลค่าการนำเข้าขยายตัว 0.3% จากการขยายตัวในหลายหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าทุนขยายตัวตามการนeเข้าหม้อแปลงและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สอดคล้องกับการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง และการนำเข้าเครื่องจักรในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่การส่งออกมีแนวโน้มปรับดีขึ้น เช่นเดียวกับมูลค่าการนำเข้าหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่เพิ่มขึ้นตามการผลิตสินค้าดังกล่าว

การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนในอัตราที่ชะลอลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สอดคล้องกับปัจจัยสนับสนุนการบริโภคโดยรวมที่ยังไม่เข้มแข็งนัก สะท้อนจากรายได้นอกภาคเกษตรกรรมที่ทรงตัว ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงบ้างจากเดือนก่อนที่ได้รับผลดีจากผลประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญและตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สองที่ดีกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวสูงถึง 18.3% จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากฐานที่ต่ำจากเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ ในเดือน ส.ค.58 อย่างไรก็ตาม เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง 2.1% จากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นผลจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นสeคัญ ขณะที่เหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ในเดือนที่ผ่านมาส่งผลเพียงเล็กน้อย

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามราคาน้ำมันในประเทศ ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารและอิเล็กทรอนิกส์ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากดุลการค้าตามมูลค่าการส่งออกที่ปรับดีขึ้น ขณะที่มูลค่าการนำเข้ายังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยชดเชยการขาดดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่ขาดดุลตามรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง ประกอบกับเป็นรอบการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างชาติในไทย สำหรับดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากการชำระคืนเงินกู้ในเครือ รวมทั้งการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทยและการลงทุนในหลักทรัพย์ของนักลงทุนไทย อย่างไรก็ดี ในขณะเดียวกันมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นางรุ่ง กล่าวด้วยว่า สำหรับเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนจากปัจจัยภายในประเทศ และรายได้เกษตรกรที่ทยอยปรับดีขึ้นหลังผลของภัยแล้งคลี่คลาย นอกจากนี้ ภาคการส่งออกเริ่มมีทิศทางปรับดีขึ้น ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้แม้มีเหตุระเบิดและการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนจากการนำเข้าสินค้าทุนที่ยังคงต่ำกว่าในปีที่แล้ว และการลงทุนในหมวดก่อสร้างที่ชะลอตัวตามภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เพราะราคาอาหารสดชะลอลงหลังพ้นภัยแล้ง อัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อยตามการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ดีในช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ และการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

นางรุ่ง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยได้แรงขับเคลื่อนสำคัญจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งภาคการส่งออกที่เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับเศรษฐกิจในภาพรวม คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 มีโอกาสจะขยายตัวได้ต่ำกว่า หรือใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ 3.5%

"เศรษฐกิจไตรมาส 3 ดีกว่าที่คาด เป็นผลมาจากการส่งออกในช่วง 2 เดือนหลังที่ดีกว่าที่คาด ทำให้ธปท.ปรับมุมมองต่อภาคการส่งออกเล็กน้อย ส่วนการบริโภคที่คาดว่าจะแย่ก็ไม่ได้แย่กว่าที่คาด และภาคการท่องเที่ยวแม้จะมีเหตุระเบิด แต่ก็ไม่ได้มีผลอย่างเป็นนัยสำคัญ ขณะที่แรงสนับสนุนหลังอย่างภาคการคลังก็ยังขยายตัวได้" นางรุ่ง กล่าว

ขณะที่ภาพรวมด้านการท่องเที่ยวในปีนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 33.6 ล้านคนแน่นอน ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเร่งปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยปัจจัยการท่องเที่ยวเมื่อรวมกับปัจจัยลบอื่นๆ แล้วจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ซึ่ง ธปท.อยู่ระหว่างการติดตามแนวโน้มในภาพรวม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ