ที่ประชุมรมต. RCEP เร่งสรุปประเด็นเปิดตลาดสินค้า-บริการ-การลงทุนเพื่อเป็นประโยชน์ต่ออาเซียนโดยรวม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 9, 2016 11:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรี RCEP สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 เปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 (2nd Intersessional Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) Ministerial Meeting) เมื่อวันที่ 4 พ.ย.59 ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีของทั้ง 16 ประเทศ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเร่งสรุปผลการเจรจาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของภูมิภาค RCEP

โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการเจรจาของคณะกรรมการเจรจาการค้าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (RCEP-TNC) ซึ่งมีการเจรจามาแล้ว 15 ครั้ง ครั้งล่าสุดมีการประชุมระหว่างวันที่ 16 - 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีความคืบหน้าสำคัญโดยสามารถตกลงข้อบทความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นข้อบทแรก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อการเจรจา

นายวินิจฉัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เน้นการหารือเรื่องระดับการเปิดตลาดการค้าสินค้า การเปิดเสรีการค้าบริการ และการลงทุน หลายประเทศได้เสนอท่าทียืดหยุ่นและพร้อมจะเปิดเสรีสินค้าในระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น จีน และอินเดีย ได้ระบุเป้าหมายการเปิดเสรีสินค้าที่ชัดเจน รวมถึงระยะเวลาการลด/เลิกภาษี ซึ่งสมาชิกอื่นๆจะต้องนำกลับไปพิจารณา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้แนวทางการกำหนดวิธีการและกรอบการให้ความยืดหยุ่นหรือแต้มต่อในการลดภาษีสำหรับสินค้าอ่อนไหวของสมาชิก ซึ่งคณะเจรจาระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสจะนำไปหารือกันต่อไป

นายวินิจฉัย กล่าวว่า สำหรับการค้าบริการเริ่มมีสัญญาณที่ดีมากขึ้น โดยที่ประชุมได้ตกลงให้เริ่มเจรจาเรื่องการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดาหลังจากที่ใช้เวลาในการผลักดันกันมานาน ในขณะที่สมาชิกทุกประเทศเห็นพ้องถึงความสำคัญของการลงทุนและผลักดันให้กฎเกณฑ์ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยให้คำนึงความอ่อนไหวของแต่ละประเทศด้วย ที่ประชุมยังรับทราบว่าสมาชิกได้เริ่มมีการหารือในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และการกำหนดวินัยเพิ่มเติมสำหรับรัฐวิสาหกิจด้วย

ทั้งนี้ รัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะกรรมการเจรจาการค้าเร่งเจรจา RCEP ให้มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในการเจรจา RCEP-TNC ครั้งที่ 16 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 10 ธ.ค.59 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจสามารถตกลงข้อบทเพิ่มเติม เช่น นโยบายการแข่งขัน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น โดยการเพิ่มเรื่องต่างๆ เข้าไปใน RCEP จะส่งผลให้ RCEP มีความสมบูรณ์ไม่ต่างไปจาก TPP

นายวินิจฉัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกค่อนข้างสูง และกำลังเผชิญกับภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว การเจรจา RCEP จะเป็นการสร้างพันธมิตรทางการค้าขนาดใหญ่ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศกับคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และนิวซีแลนด์ ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 3.5 พันล้านคน ประเทศสมาชิกมี GDP รวมกันกว่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นกว่า 29% ของ GDP โลก ประกอบไปด้วยประเทศสมาชิกที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ถึง 2 ประเทศ ได้แก่ จีน และญี่ปุ่น รวมถึงประเทศสมาชิกที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 เช่น จีน และอินเดีย ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ละแนวโน้มการเติบโตที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ