กนง.ระบุ นโยบายการเงินยังควรผ่อนปรนในระยะต่อไปหลังศก.เผชิญความไม่แน่นอนเพิ่มจากทั้งใน-ตปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 23, 2016 10:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 7/59 ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย.59 ที่ผ่านมาว่า กนง.เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมครั้งนี้ แต่ในระยะต่อไปนโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยพร้อมจะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อดูแลให้ภาวะการเงินโดยรวมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวแต่มีความเสี่ยงด้านต่ำสูงขึ้นจากความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการส่งออกสินค้าของไทย และจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบของการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งอาจทาให้จานวนนักท่องเที่ยวจีนน้อยกว่าประมาณการเดิม

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ต.ค.59 ชะลอลงเล็กน้อยตามราคาอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับที่ได้คาดการณ์ไว้ กนง.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และมีความเสี่ยงที่จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายช้ากว่าที่ประเมินไว้เดิมโดยขึ้นอยู่กับราคาอาหารสดและพัฒนาการของราคาน้ามันในตลาดโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่โดยรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีทิศทางทยอยปรับสูงขึ้น ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะปานกลางของสาธารณชนยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ

ด้านเสถียรภาพการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถรองรับปัจจัยลบและความผันผวนในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงในบางจุด อาทิ คุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงทั้งในสินเชื่อธุรกิจโดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสินเชื่อครัวเรือน รวมทั้งพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) โดยเฉพาะในกลุ่มตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bonds) ซึ่งหากผู้ลงทุนขาดความเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการลงทุนอย่างเหมาะสมอาจนาไปสู่การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินไปและเป็นการสะสมความเปราะบางทางการเงินในระยะข้างหน้า

"ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับต่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ในบางช่วงเวลาที่ผ่านมา เงินบาทโน้มแข็งค่าขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับสกุลคู่ค้าคู่แข่งสาคัญ ซึ่ง กนง.เห็นว่าอาจไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย"กนง.ระบุ

กนง.เห็นว่าการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space) ยังมีความสำคัญในภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังจะต้องเผชิญความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางและความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากขึ้น

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สามารถกระทบแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าและความต่อเนื่องของแรงส่งของเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรรักษา policy space ไว้รองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นรุนแรงในอนาคต นอกจากนี้ แม้เสถียรภาพการเงินยังอยู่ในที่เกณฑ์ดี แต่ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในบางจุดต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อและพฤติกรรม search for yield ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน

กนง.ยังประเมินว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ รวมทั้งจังหวะหรือมาตรการที่ธนาคารกลางประเทศอุตสาหกรรมหลักอาจใช้ในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

นอกจากนี้ กนง.มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในตลาดการเงินโลกที่อยู่ในระดับต่าต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งอาจ ไม่สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริง (underpricing of risks) และมีความเสี่ยงที่อาจดีดตัวกลับอย่างรวดเร็ว (yield snapback) หากพัฒนาการความเสี่ยงต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องมายังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทยได้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ