นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา“THAILAND 2017 ภูมิทัศน์ใหม่เศรษฐกิจไทย"ว่า ในปีหน้าประเทศไทยจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแผ่นดิน เปลี่ยนรัชกาล ส่วนเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัย การเปลี่ยนแปลงต่อมาคือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเป็นเมื่อใด เพราะอยู่ในพระราชอำนาจภายใน 90 วันหลังจากรัฐบาลทูลเกล้าฯ ไปแล้ว
ส่วนการออกกฎหมายลูก 10 ฉบับ ต้องให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน โดยเฉพาะ 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคการเมือง สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา หากประกาศใช้ครบเมื่อใดก็จะต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 150 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กำหนดโรดแมพไว้แล้ว
"มีคนบอกว่าให้ขยับให้เลือกตั้งเร็วขึ้นภายใน 1 เดือนก็ทำได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากกฎหมายพรรคการเมือง เกิดเซ็ตซีโร่จะทำได้ทันหรือ เพราะต้องจดทะเบียนตั้งพรรคกันใหม่ หาสมาชิก หาเสียง หรือถ้าไม่ Set Zero พรรคการเมืองที่พร้อมก็จะได้เปรียบพรรคที่ตั้งใหม่ ในที่สุดวันเลือกตั้งก็คงเป็นในวันสุดท้ายตามเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเกิดในปี 60 โดยนายกฯ พูดมาเป็นปีแล้ว"นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า กรุณาให้ความเป็นธรรมรัฐบาล เพราะโรดแมพที่วางไว้ อาจมีตัวแปรที่วันนี้ยังมองไม่เห็น ถ้าเกิดจะปรับให้เผื่อเหลือเผื่อขาด แต่วันนี้ก็ต้องยืนยันว่าจะเลือกตั้งในปี 60 แต่อย่าไปไกลขนาดว่าจะมีรัฐบาลใหม่ในปี 60 เพราะหลังเลือกตั้งคงต้องใช้เวลา 2 เดือนก่อนประกาศผล อีกทั้งเป็นการเลือกตั้งแบบใหม่ คือ ใช้บัตรใบเดียวเลือก ส.ส.ทั้งสองแบบ ซึ่งอาจเกิดกรณีเดียวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ แพ้ชนะด้วยตัวแปรที่เปลี่ยนไปด้วยระบบสัดส่วนที่ใช้ วิธีนับคะแนนก็ผิดจากเดิม ไม่ใช่ได้คะแนนมากที่สุดจะได้เป็น แต่ที่ได้คะแนนไม่มากที่สุดก็อาจได้เป็นรัฐบาล หลังจากนั้น จึงจะเปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรี จะสุดที่เดือนไหนก็สุดแล้วแต่
ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วันนี้กำลังร่างเกือบเสร็จแล้ว โดยจำเป็นต้องมองประเทศไทยอีก 20 ปี ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น โดยจะไม่ผูกมัดรัฐบาลใหม่ เพราะเป็นเพียงการกำหนดเป้าหมาย ไม่ได้กำหนดวิธีการ ถ้ารัฐบาลใหม่อยากแก้ก็แก้ได้ เพื่อให้ไปสู่จุดหมายเดียว แต่ถ้าจุดหมายที่ว่านั้นก็ยังไม่ชอบอีก ก็แก้ได้เช่นเดียวกัน
ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 60 คาดว่าการเมืองในภูมิภาคจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นอีก จากนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถนำทฤษฎีเก่ามาใช้ในการคาดการณ์ได้ นอกจากนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการปรับตัวเป็นอันดับแรก
อย่างไรก็ตาม มองแนวโน้มการส่งออกไทยปีหน้าจะยังเป็นบวกได้ แม้ในปี 60 อาจจะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมการบริโภคของประเทศต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของไทยในปีหน้าคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากจะต้องประคับประคองเศรษฐกิจไปก่อนจะปรับขึ้นตามทิศทางในต่างประเทศ
ขณะที่นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันทำให้การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเกิดได้ขึ้นตลอดเวลา ทำให้อายุเฉลี่ยของบริษัทลดลงเรื่อยๆ โดยคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าอายุของบริษัทอาจจะจะลดลงต่ำกว่า 10 ปีจากการทำ M&A และหายออกไปจากระบบมากขึ้น
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า ประเทศไทยจะต้องตั้งรับความเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็ง ทั้งด้านการตลาดที่จะเริ่มเป็นปัจจเจกบุคคลมากขึ้น ทำให้ยากต่อการทำตลาด นอกจากนี้ธุรกิจในอาเซียนเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ ในขณะที่ CLMV เป็นสังคมที่กำลังโต
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าไปทำตลาดใน AEC จะต้องสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา และอย่าผูกติดอยู่กับการคิดผลิตภัณฑ์ใหม่เพียงอย่างเดียว จะต้องคิดค้นรูปแบบธุรกิจขึ้นมาใหม่ เช่น UBER ที่ไม่ได้คิดเพียงการพัฒนาแท็กซี่ให้นั่งสบาย