ผู้ว่า ธปท.เกาะติดศก.ปลายปีก่อนประเมินภาพรวม เบื้องต้นยังเชื่อ GDP ปีนี้-ปีหน้าโตต่อเนื่อง 3.2%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 28, 2016 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะรอดูภาวะเศรษฐกิจปลายปีนี้อีกครั้งก่อนจะมีการประเมินภาพรวมในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากมองว่ามีหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย แต่ขณะนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 59 จะขยายตัวได้ราว 3.2% และในปี 60 ก็น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% เช่นกัน

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ธปท.ก็ได้เตือนมาโดยตลอดึงเรื่องความผันผวนของตลาดเงินตราต่างประเทศ รวมถึงตลาดทุน เพราะก่อนหน้านั้นมีสภาพคล่องไหลเข้ามาในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งในอาเซียนและไทย เมื่อเริ่มเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเข้มข้นที่อาจทำให้สหรัฐต้องมีการกู้เงินเพื่อมาชดเชยการขาดดุลการคลังมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรในสหรัฐ และตลาดเงินโลกปรับสูงขึ้น ดังนั้น จึงส่งผลให้มีเงินทุนไหลกลับไปในตลาดสหรัฐเพื่อไปหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยังคาดหวังว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกรอบในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งมีความน่าจะเป็นมากขึ้น จึงทำให้มีเงินทุนบางส่วนไหลออกไป

"เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง บางครั้งอาจมีเหตุการณ์ หรือข่าวใหม่ๆ รายวันที่อาจทำให้ค่าเงินผันผวน ดังนั้นการบริหารจัดการความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญของใครก็ตามที่มีธุรกรรมด้านต่างประเทศ" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว

พร้อมระบุว่า ผู้ที่ทำธุรกิจส่งออกนำเข้าต้องมีทักษะที่ดีในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะหลายประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้ากับไทยต่างต้องเผชิญกับภาวะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมากว่าไทย นอกจากนี้ในช่วงหลังจะมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ปัจจัยจากภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่สามารถจะมองข้ามไปได้ เนื่องจากปัจจัยนี้จะมีผลให้ราคาสินทรัพย์และอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนได้สูงขึ้น

นายวิรไท กล่าวว่า ในช่วงสั้นๆ นี้ค่าเงินบาทอาจจะผันผวนแต่ยังน้อยกว่าหลายประเทศ เพราะมีปัจจัยต่างประเทศ รวมทั้งปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศเอง เช่น ปัญหาการเมืองในประเทศนั้นๆ หรือบางประเทศเองมีความจำเป็นที่ต้องพึ่งเงินจากต่างประเทศค่อนข้างมาก เมื่อมีภาวะเงินทุนไหลกลับจึงทำให้ได้รับผลกระทบแรงกว่าไทย

"แต่ในกรณีของไทย เรามีกันชนที่ค่อนข้างดี สามารถรองรับความผันผวนต่างๆ ได้ นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ผันผวนเหมือนค่าเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายประเทศ" ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุ

สำหรับปัจจัยในประเทศที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ชะลอตัวลง เช่น ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำเนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงฤดูการผลิตปลายปี เช่น ข้าว ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยได้รับผลกระทบกันหลายประเทศไม่เฉพาะไทย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการจัดระเบียบนักท่องเที่ยว หรือการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนเริ่มลดลงไปบ้าง ประกอบกับเรื่องสุดท้ายมาจากสถานการณ์ความโศกเศร้าในประเทศเองด้วย แต่อย่างไรก็ดีปัจจัยเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น

นายวิรไท กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะนำมาออกกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายปีนั้น เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 จะเห็นว่ากิจกรรมบางส่วนได้รับผลจากหลายเหตุการณ์ ดังนั้น รัฐบาลจึงมองเห็นถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจชะลอตัว จึงได้ออกมาตรการมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการชั่วคราวที่จะช่วยทำให้เม็ดเงินเข้ามาหมุนในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลถือว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการออกมาตรการเบิกจ่ายงบลงทุนขนาดเล็ก, โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะเริ่มเห็นชัดเจนในปีหน้า สิ่งเหล่านี้เป็นความตั้งใจของรัฐบาลในการลงทุนเพื่อจะยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าในระยะสั้นที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากปัจจัยชั่วคราว จึงมีมาตรการชั่วคราวเข้ามาเสริมเพื่อประคองให้เศรษฐกิจโตต่อไปได้

"ถือเป็นการตื่นตัวที่ดีของรัฐบาล ช่วยรักษาโมเมนตัม รักษาแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงรอยต่อก่อนที่โครงการลงทุนใหญ่ๆ ของภาครัฐจะเริ่มเห็นผล แต่มาตรการเหล่านี้คงต้องเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เพราะถ้าทำไปนานๆ จะไม่เกิดผลทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นการดึงอุปสงค์ในอนาคตมาใช้" นายวิรไท กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ