นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 35.58/59 บาท/ดอลลาร์ เท่ากับตอน เปิดตลาดเช้า
"เงินบาทขยับไปตามภูมิภาค ระหว่างวันมีเคลื่อนไหวทำ High 35.59 บาท/ดอลลาร์ และแข็งค่าลงไป Low 35.53 บาท/ดอลลาร์ แต่พอช่วงเย็น ปรับตัวขึ้นมาปิดเท่าตอนเปิด"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์ ยังรอดูตัวเลขการจ้างงาน นอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสัปดาห์นี้
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.40 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 111.88 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0635 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.0643 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,500.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.38 จุด, +0.03% มูลค่าการซื้อขาย 37,009.45 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 64.05 ลบ.(SET+MAI)
- กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ต.ค.59 พบว่า มูลค่าการส่งออกพลิกกลับมา
หดตัวอีกครั้งที่ -4.2% สวนทางจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องที่ราว 1.14-1.40% แนวโน้มการส่งออกของ
ไทยในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนสุดท้าย โดยมี
ปัจจัยสำคัญจากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ ราคา
ยางพาราและน้ำตาลทรายโลก
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)คาดมูลค่าการส่งออกของไทยปีนี้จะหดตัว 0.5%YOY
โดยคาดว่า 2 เดือนสุดท้ายของปี มูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้เล็กน้อย โดยได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันและราคาสินค้า
เกษตรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าการฟื้นตัวอย่างเปราะบางของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงกด
ดันให้ปริมาณการค้าโลกไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ คาดว่ามูลค่าการนำเข้าของไทยจะลดลงราว 6.2%YOY ในปีนี้
- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะมีการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์
การส่งออกของไทยในปีนี้อีกครั้ง หลังจากตัวเลขการส่งออกล่าสุดในเดือน ต.ค.ปรับลดลง 4.2% ซึ่งยังเชื่อว่าทั้งปีนี้การส่งออกจะติด
ลบเพียง 0.5% น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบถึง 2%
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ต.ค.59 ว่า เศรษฐกิจ
ไทยขยายตัวดีจากการบริโภคภาคเอกชนและการเบิกจ่ายภาครัฐ ขณะที่ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง สำหรับเสถียรภาพ
เศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งรองรับความผันผวนจากภายในและภายนอกประเทศได้
- นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะรอดูภาวะเศรษฐกิจปลายปีนี้อีก
ครั้งก่อนจะมีการประเมินภาพรวมในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากมองว่ามีหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่อาจจะมีผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจของไทย แต่ขณะนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 59 จะขยายตัวได้ราว 3.2% และในปี 60 ก็น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่
3.2% เช่นกัน
- สถาบันเศรษฐกิจและการค้าของเกาหลี (KIET) คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเกาหลี
ใต้จะขยายตัว 2.5% ในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก อย่างไรก็ตาม คาดว่าการชะลอตัวของการลงทุนและ
อุปสงค์ภายในประเทศ จะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. เนื่องจากมูลค่าของ
สินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศปรับตัวลดลง อันเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินเยน
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนดังกล่าว BOJ ขาดทุนสุทธิ 2.0024 แสนล้านเยน (1.8 พันล้านดอลลาร์) จากที่มีกำไร 6.2889 แสนล้านเยนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์:
[email protected]