ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.59 ทรงตัวจากช่วงเช้า-ปริมาณซื้อขายเบาบาง รอดูทิศทางดอกเบี้ย FOMC

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 13, 2016 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.59 บาท/ดอลลาร์ จากเมื่อ เช้าที่ระดับ 35.58/59 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.57-35.60 บาท/ดอลลาร์

"บาททรงตัวจากช่วงเช้า ปริมาณการซื้อขายเบาบาง ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รอปัจจัยใหม่เข้ามา" นัก
บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 35.55-35.70 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตลาดจับตามองเป็น ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC)

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 115.25 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 115.01 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0622 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0636 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,530.21 เพิ่มขึ้น 3.89 จุด, +0.25% มูลค่าการซื้อขาย 49,796.09 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,621.40 ล้านบาท (SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีให้ผู้ที่สำหรับการซื้อสินค้าและค่าบริการ ในช่วงวันที่
14-31 ธ.ค. 59 ตามจำนวนจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยสามารถนำใบกำกับภาษีจากผู้ประกอบการมาหักภาษีเงินได้
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบแผนปฏิบัติการเร่งด่วนด้านคมนาคมในปี 60 เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้าน
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยคิดเป็นมูลค่าโครงการในปีหน้าประมาณ 8.96 แสนล้านบาท โดยมี
โครงการที่พร้อมจะให้บริการได้แล้ว 2 โครงการคือ โครงการท่าเรือเฟอร์รี่ เชื่อมอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก-ตะวันตก และ
โครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาด GDP ปี 60 แนวโน้มโตได้กว่า 3.4% หลังอัดเม็ดเงินกระตุ้นลงทุนปรับ
โครงสร้างประเทศ โดยปี 60 คาดว่าจะมีเงินจากในส่วนนี้ลงไป 3-4 แสนล้านบาท จากวงเงินลงทุนรวมทั้งหมด 1.7 ล้านล้าน
บาท และเม็ดเงินลงไปสูงสุดในช่วงปี 61-62 โดยรัฐบาลมุ่งหวังว่าเมื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้วเสร็จ ในขณะที่ประเทศไทยมี
การพัฒนาในระบบ E-Payment ก็จะเป็นตัวช่วยยกระดับศักยภาพประเทศไทยให้เพิ่มขึ้น และสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้
  • กรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-30 พ.ย.59
สามารถเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมได้จำนวน 570,818 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,733,000 ล้านบาท คิดเป็น 20.89%
โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ เบิกจ่ายได้จำนวน 521,500 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,184,128 ล้านบาท คิดเป็น
23.88% ขณะที่รายจ่ายลงทุน (กรณีไม่รวมงบกลาง) เบิกจ่ายได้ จำนวน 49,318 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 464,226 ล้าน
บาท คิดเป็น 10.62% ทั้งนี้หากเปรียบเทียบผลการเบิกจ่ายในภาพรวม เบิกจ่ายได้สูงกว่าเป้าหมาย 2.43% (เป้าหมาย 18.46%)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยผลประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะ
กรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เห็นว่า ระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ สถาบันการเงินและธุรกิจประกันภัยมีเงิน
กองทุนอยู่ในระดับสูง ตลาดทุนไทยมีความทนทาน (resilience) เพียงพอสามารถรองรับเหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมาได้ แต่ในระยะต่อ
ไป ระบบการเงินไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยง ทั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจนและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้น
ตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่กระจายตัว จึงต้องติดตามความเปราะบางจากความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัว
เรือนที่มีแนวโน้มถดถอยลง ขณะที่เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาใน
เอเชียในปีนี้ ลงสู่ระดับ 5.6% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.7% เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งใน
ประเทศกำลังพัฒนารายใหญ่ของเอเชีย ส่วนในปี 2560 นั้น ADB ได้คงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ในเอเชียไว้ที่ระดับ 5.7%
  • ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่มีกระแสคาด

การณ์เป็นวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้

ถึงความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานสหรัฐ และหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณในช่วงก่อนหน้านี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ