(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.69/74 แนวโน้มอ่อนค่าต่อหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด มองกรอบวันนี้ 35.60-35.80

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 15, 2016 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.69/74 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า ลงจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.58/61 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.50- 0.75%

"เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงหลังจากที่ FOMC มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาด และวันนี้เงิน บาทยังมีโอกาสจะอ่อนค่าได้ต่อ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60-35.80 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.7150 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (14 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.21234% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (14 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.48642%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117/20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 115.10/30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.0500 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0622/0645 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.5720 บาท/
ดอลลาร์
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงผลกระทบที่จะมีต่อภาวะการเงินและค่าเงินของไทยหลังเฟดปรับขึ้น
ดอกเบี้ยนั้นว่า ผลกระทบจะมีน้อย เพราะเงินกู้ของไทยในส่วนที่เป็นเงินตราต่างประเทศมีน้อยมาก ขณะเดียวกันในส่วนของค่าเงิน
บาทนั้น ความผันผวนเป็นเรื่องปกติเมื่อมีเงินไหลเข้าออก ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องดูแล
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานโครงสร้างการชาระเงินค่าสินค้าออกของไทยกับอาเซียน จำแนกตาม
สกุลเงิน ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการค้าขายสินค้าและบริการของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านภายในภูมิภาคอาเซียน ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี
2559 ที่ผ่านมา พบว่าการค้าขายระหว่างกันภายในภูมิภาคนี้ ส่วนใหญ่ยังใช้เงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลหลักในการชาระ โดยมีสัดส่วน
การใช้เงินเหรียญสหรัฐชาระค่าสินค้าและบริการสูงที่สุดที่ 83% ของวงเงินทั้งหมด
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.
ศ.2561 โดยมีนโยบายให้ จัดทำเป็นงบประมาณแผ่นดินปี 2561 เป็นงบขาดดุล และให้ดำเนินการตั้งงบกลางปีไว้ด้วย เพราะต้อง
การให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีงบประมาณ โดยมีเป้าหมายให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จี
ดีพี) อยู่ที่ระดับ 4-5%
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้ นับเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี

  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลัง
จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ดอลลาร์
แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 116.20 เยนจากระดับ 115.28 เยน ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ
1.0578 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0619 ดอลลาร์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร ก่อนที่จะรู้ผล
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเฟดจะแถลงมติการประชุมหลังจากที่ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 4.7 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ ระดับ 1,163.70 ดอลลาร์/ออนซ์

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออก
น้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของโอเปกพุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ตลาด
น้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC)
ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงาน
ยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางนับตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ ส่วนการจ้างงานปรับตัวขึ้นอย่างแข็ง
แกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานปรับตัวลดลง ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัวปานกลาง แต่การลงทุน
ในสินทรัพย์ถาวรยังคงอ่อนแรง ส่วนเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการ
FOMC ที่กำหนดไว้ที่ระดับ 2%
  • นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเน้นย้ำว่า เธอจะดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อ
ไปจนครบวาระในปี 2561 จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าจะแต่งตั้งให้เธอดำรงตำแหน่งนี้ต่อ
อีกวาระหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากทั้งสองมีมุมมองไม่ตรงกัน
  • นักวิเคราะห์ด้านกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์อี-เทรด กล่าวว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม
ครั้งนี้ นับว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด แต่การที่เฟดส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีหน้า ถือเป็นความ
เคลื่อนไหวที่เหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ แม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยถือเป็นการบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ แต่ต้นทุนการกู้ยืมที่
สูงขึ้นนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนที่ต้องพึ่งพาการกู้ยืม
  • นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ประจำสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., ดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 3/2559, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต

เบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และตัวเลขการเริ่มสร้าง

บ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ