ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 35.94/98 ระหว่างวันแข็งค่าเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในกรอบแคบ คาดพรุ่งนี้ 35.90 - 36.05

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 29, 2016 16:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.94/98 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็ก น้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.97/99 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเช้า แต่โดยรวมแล้วระหว่างวันยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ธุรกรรม เบาบางเพราะเป็นช่วงใกล้หยุดทำการในช่วงสิ้นปี คาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทคงทรงตัวอยู่ในระดับนี้เช่นกัน

"ระหว่างวันบาทแข็งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ได้มาจากปัจจัยไหนเป็นหลัก เป็นแรงซื้อขายตามปกติ คาดว่าพรุ่งนี้คงทรงๆ เพราะใกล้สิ้นปี ไม่ค่อยมีธุรกรรมอะไรมาก" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.90 - 36.05 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.9650 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 116.37 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 116.70/75 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0045 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0430/0435 ดอลลาร์/ยูโร
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ภาพรวมเดือน พ.ย.59 อยู่
ที่ 109.61 ขยายตัว 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) และขยายตัว 2.07%จากเดือน ต.ค.59 (MOM) โดยอุตสาหกรรมที่
ส่งผลให้เป็นบวก ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง น้ำมันปิโตรเลียม และรถ
ยนต์ โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 66.71% พร้อมประเมินว่า ดัชนี MPI ในปี 60 จะขยายตัวได้ 1%
เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมอยู่ในช่วงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้จะมีการลงทุนต่างๆ มากขึ้น
  • บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงภาพรวมราคาทองคำในตลาดโลกปี 60 วายแอลจี
ประเมินกรอบความเคลื่อนไหวราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,600 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านอยู่ที่
1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,500 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับประเด็นหลักที่อาจเป็นปัจจัยกดดันความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 60 คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งตามคาดหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วมากกว่า 3 ครั้งอาจยิ่งหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้พุ่งขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยหนักที่จะกดดันราคาทองคำ นอกจากนี้การ คาดการณ์ในเชิงบวกต่อนโยบายของนาย โดนัลด์ ทรัมป์จะกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนต่อเนื่องในปีหน้าซึ่งความ ต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำที่อยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน

  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายหนึ่ง แสดงความวิตกกังวลว่าราคาหุ้นและเงิน
ดอลลาร์สหรัฐอาจจะร่วงลงอย่างหนัก หากความหวังที่มีต่อนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อ่อนแรง
ลง โดยมองว่าความเคลื่อนไหวในตลาดเงินภายหลังชัยชนะของนายทรัมป์นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไร จึงเป็นไปได้ว่าตลาดจะมี
การปรับตัวครั้งใหญ่
  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำแบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชั่นส์ คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือน
ธ.ค.นี้ น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับที่ทรงตัวจากเดือนพ.ย. สำหรับดัชนี CPI
ตลอดทั้งปีคาดว่า จะขยายตัวประมาณ 2% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 3%
  • ทางการเกาหลีใต้ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจประจำปี 2560 ลดลงมาเหลือ 2.6% จากเดิมคาดว่า
จะโต 3% เนื่องจากการบริโภคและการส่งออกได้อ่อนแรงลง นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้
ด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจเกาหลีจะขยายตัว 2.6% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.8%

ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนที่จะจัดสรรงบประมาณปี 2560 โดยจะเน้นหนักในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเกิดความวิตก กังวลเกี่ยวกับภาวะการบริโภคถดถอย ซึ่งหมายถึงการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลางความไม่แน่นอน ที่ปรากฎให้เห็นเพิ่มขึ้น

  • กลุ่มผู้บริหารในภาคธุรกิจของอังกฤษ ออกมาเรียกร้องให้บรรดา CEO ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ช่วย
กันกดดันรัฐบาลให้เปิดเสรีทางการค้ากับอังกฤษ ภายหลังจากที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ซึ่งส่งผลให้เกิด
ความวิตกว่า EU จะดำเนินนโยบายกีดกันการค้ากับอังกฤษ
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,

สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ย. และดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดชิคาโก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ