ภาวะตลาดเงินบาท: ปิดตลาด 35.74/76 แกว่งแคบ-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.65-35.80

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 9, 2017 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.74/76 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.75/80 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทค่อนข้างจะทรงตัว เนื่องจากไม่ค่อยมีปัจจัยสำคัญอะไรมากนัก ตลาดคงรอดูข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่จะออกมาประจำสัปดาห์

"วันนี้บาทค่อนข้างจะนิ่งๆ ไม่ค่อยมีปัจจัยอะไรมาก รอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.65-35.80 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.12/14 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 117.00/40 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0518/0521 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0520/0560 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,564.08 จุด ลดลง 7.40 จุด (-0.47%) มูลค่าการซื้อขาย 53,356 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,586.22 ลบ.(SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอ รมว.คลัง ให้ขยายระยะเวลามาตรการส่ง
เสริมการลงทุนในประเทศ โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายในลักษณะของค่าเสื่อมราคาได้ 2 เท่าของรายจ่าย เพื่อ
การลงทุนหรือต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ โดยเป็นการลงทุนในทรัพย์สิน ซึ่งมี
ระยะเวลาตั้งแต่ 3 พ.ย.58 ถึง 31 ธ.ค.59 โดยเชื่อว่าหากรัฐบาลขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ก็จะ
ช่วยสนับสนุนให้เอกชนขยายการลงทุน มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 60 ให้
เติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
  • กกร.คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 60 จะเติบโตอยู่ในกรอบ 3.5-4.0% พร้อมมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้จะดีขึ้น
ตามการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 59 ประกอบกับปีนี้แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลบวกต่อมูลค่าการส่ง
ออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรบางรายการ กกร.จึงปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้เป็นขยายตัว
เพิ่มขึ้น 1-3% จากเดิมที่มองไว้ 0-2%
  • นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศแผนยุทธศาสตร์การแยกอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในอีกไม่กี่
สัปดาห์ พร้อมระบุว่ารัฐบาลอังกฤษไม่ได้สับสนในการตัดสินใจประเด็น Brexit แต่อย่างใด และย้ำจุดยืนว่าจะอังกฤษใช้มาตรา 50
(Article 50) ตามสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ประเทศสมาชิกจะถอนตัวออกจาก EU ในกรอบเวลา 2 ปี โดยอังกฤษ
จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมี.ค. ปีนี้
  • สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ทางการจีนเตรียมยกระดับปราบปรามการแลกเปลี่ยน
เงินตราต่างประเทศที่ผิดกฏหมายในปี 2560 ซึ่งรวมถึงธนาคารใต้ดิน นอกจานี้ทางการจีนยังเตรียมยกระดับการบริหารจัดการกระแส
เงินทุนข้ามพรมแดน และเดินหน้าปฏิรูปเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการค้าและการลงทุน เพื่อหนุนเศรษฐกิจที่แท้จริงต่อไป รวมทั้ง
การพัฒนาแนวทางจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงและความยืดหยุ่นขณะที่ป้องกันไม่ให้มูลค่าปรับตัวลง

ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ 3.01 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.1 หมื่นล้าน ดอลลาร์สหรัฐจากระดับในเดือนพ.ย. โดยลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6

  • สภาสหภาพการค้าของอังกฤษ (TUC) เปิดเผยรายงานว่า หนี้ภาคครัวเรือนของอังกฤษพุ่งขึ้นในช่วงปี 2559 โดยหนี้
ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ (หนี้ที่ไม่ใช่สัญญาจำนองบ้าน) แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับเฉลี่ย 12,877 ปอนด์ (15,900 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อ
1 ครัวเรือนในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2559 ซึ่งมากกว่าระดับเฉลี่ยของช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 1,117 ปอนด์ (1,375
ดอลลาร์) และเป็นการขยายตัวเทียบรายปีในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540

สภาสหภาพการค้าอังกฤษ ยังเตือนด้วยว่า หากอัตราค่าจ้างยังคงขยายตัวช้า ประกอบกับเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสูงขึ้นเช่น นี้ จะมีอีกหลายครอบครัวที่ต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินในปีนี้ ถ้ารัฐบาลไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

  • อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ แสดงความกังวลว่านโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี
สหรัฐนั้น อาจก่อให้เกิดวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ เนื่องจากนายทรัมป์ ได้เสนอให้มีการผ่อนคลายกฎระเบียบ ซึ่งอดีตรมว.คลังสหรัฐ
มองว่าจะส่งผลให้แวดวงการเงินตกอยู่ในความเสี่ยง สำหรับนโยบายลดภาษีธุรกิจที่นายทรัมป์ ได้เสนอไว้นั้น อดีตรมว.คลังสหรัฐฯ
มองว่าจะก่อให้เกิดความไม่เสมอภาค ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ท้ายที่สุดก็จะสร้างความเสียหายให้กับการส่งออกต่อ
ไป
  • นักลงทุนติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เช่น ดัชนีภาวะตลาดแรงงานเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับ

สวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ