ปลัดคลังเล็งขยายมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนหวังช่วยขับเคลื่อนศก.ผลักดัน GDP ปีนี้โตได้ 4-5%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 11, 2017 13:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา "2560 จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะเติบโตเต็มตามศักยภาพที่ระดับ 4-5% ได้ ซึ่งในปีนี้รัฐบาลจะพยายามทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้มากกว่าระดับ 3% หลังจากที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับการติดกับดักรายได้ปานกลางมาเป็นเวลานาน

"กระทรวงการคลังกำลังดูว่าจะมีอะไรมาช่วยกระตุ้นใจของเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่ม เอกชนต้องช่วยรัฐบาล เพราะเครื่องยนต์ 3 ตัวสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจล้วนมาจากเอกชนเป็นหลัก" นายสมชัย กล่าว

พร้อมระบุว่า แม้ในปัจจุบันรัฐบาลจะยังมีช่องทางเพียงพอที่จะใส่เงินลงไป เนื่องจากหนี้สาธารณะของประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เห็นว่าการจะกู้เงินมาลงทุนในเรื่องใดนั้นจะต้องได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากลับมา และต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจไทยได้แรงและเร็ว

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากการลงทุนของภาคเอกชนที่จะช่วยทำให้เกิดจุดเปลี่ยนประเทศไทยได้แล้ว ในปีนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีการจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ใส่งบประมาณไว้ถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะมีส่วนช่วยในการดึงดูดอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น และเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เอกชนของไทยมีการลงทุนตาม

"กระทรวงการคลังน้อยใจมากที่ในปีที่ผ่านมาเอกชนไม่ยอมลงทุน ทั้งๆ ที่เราให้สิทธิประโยชน์ และมาตรการทางภาษีมากสุดในประวัติศาสตร์ ทั้งอ้อนวอน ทั้งประชาสัมพันธ์ไปมากมาย แต่เอกชนก็ยังไม่ยอมลงทุน แต่เราก็เข้าใจ ในเมื่อคุณไม่มั่นใจ คุณก็ไม่อยากลงทุน พอมาปีนี้จะมาขอขยายมาตรการด้านการลงทุนเพิ่มอีก คงต้องรอดูท่านรองนายกฯ สมคิด ที่จะพิจารณาอีกรอบหรือไม่ กำลังดูเงื่อนไขอยู่" นายสมชัย กล่าว

ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนขอขยายมาตรการกระตุ้นการลงทุนนั้น ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะได้เสนอหลักเกณฑ์กับ รมว.คลัง เพื่อให้พิจารณาขยายมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งคงต้องมีการกำหนดเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติม เช่น ต้องมีเงินลงทุนมากว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งการกำหนดเงื่อนเวลาในการลงทุน เป็นต้น

ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า การคลังของไทยไม่ได้ถังแตก ปี 2560 นี้จะเป็นปีแห่งการปฏิรูป ซึ่งกระทรวงการคลังพยายามจะปิดทุกช่องโหว่ที่จะเป็นจุดอ่อนและทำให้เกิดวิกฤติการคลัง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พยายามดำเนินการไปแล้ว เช่น การปิดวิกฤติจากการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การผลักดันเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น

ด้านนายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนของไทยใช้เป็นโมเดลสำคัญที่นำมาใช้ประเมินสถานการณ์ถึงความจำเป็นในการลงทุน ทั้งนี้จะมองว่าในปีที่ผ่านมา เอกชนไม่ลงทุนเลยก็คงไม่ใช่ แต่การลงทุนเกิดขึ้นในบางธุรกิจเท่านั้น ที่เห็นได้ชัดคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยดูได้จากคอนโดมิเนียมที่ทยอยเปิดโครงการกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจะตัดสินใจลงทุนนั้นเอกชนจำเป็นต้องเห็นโอกาสที่ชัดเจน เพราะเมื่อใดที่เห็นโอกาสที่ชัดเจนแล้วก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปลงทุนอยู่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ