ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.44 ตลาดรอดูท่าทีเรื่อง Brexit มองกรอบพรุ่งนี้ 35.40-35.50

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 16, 2017 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ 35.44 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเช้าอยู่ ที่ระดับ 35.45 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.38-35.47 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดมีความกังวล เรื่องท่าทีของรัฐบาลอังกฤษในเรื่อง Brexit

"บาทแกว่งตัวในกรอบตามแรงซื้อและแรงขายก่อนจะมาอยู่ที่แถว 35.44-35.45 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.40-35.50 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.23 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 114.31 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0588 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0625 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,571.80 จุด ลดลง 3.44 จุด, -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 49,057.71 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 935.88 ล้านบาท (SET+MAI)
  • บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ภาพแนวโน้มตราสารหนี้ไทยในปีนี้จะยังคงผันผวนตามปัจจัยหลัก ๆ ทั้งในด้านของแนวโน้ม
อัตราดอกเบี้ยและทิศทางค่าเงินบาท โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราดอกเบี้ยของ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ประมาณ 3 ครั้ง ทั้งนี้ ในส่วนของไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของ
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งโดยเป็นการปรับขึ้น 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ในช่วงครึ่งปีหลัง
  • รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีการผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ว่า ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ของ
บริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องไป
ดูแล แต่เบื้องต้นมองว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากบริษัทเพียงกลุ่มเล็กๆ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาพรวม
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ติดตามสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้
ตราสารหนี้อย่างใกล้ชิด พบว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทนอกตลาดที่มีการผิดนัดคิดเป็น
เพียง 0.03% ของจำนวนมูลค่าคงค้างของตราสารหนี้ในระบบทั้งหมดซึ่งมีจำนวน 3.58 ล้านล้านบาท โดยเป็นตราสารหนี้ที่มิได้มีการ
จัดอันดับเครดิต (unrated) ที่เสนอขายได้เฉพาะในวงแคบต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยเท่านั้น ดังนั้น ผลกระทบที่เกิด
ขึ้นจากการผิดนัดจึงมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งระบบ และอยู่ในกลุ่มผู้ลงทุนในวงจำกัด
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาของการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) ของ
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังไม่ได้สร้างความกังวลและความตื่นตระหนกให้วงการตลาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตั๋ว B/E ที่ผิดนัด
ชำระมีเพียงเล็กน้อยอยู่ราว 1 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าตั๋ว B/E ในระบบที่มีอยู่ 2-3 แสนล้านบาท ประกอบกับการผิดนัดชำระหนี้ที่
ทยอยเกิดขึ้นเป็นการผิดนัดชำระหนี้ทางเทคนิคของแต่ละบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขาดสภาพคล่องของธุรกิจ
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ
อนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ในเดือน มี.ค.60
ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดขั้นสุดท้าย ซึ่งสินทรัพย์ที่จะนำมาจัดตั้งกองทุนเป็นสินทรัพย์ประเภททางด่วน มูลค่ากองทุนเบื้อง
ต้นราว 4-5 หมื่นล้านบาท
  • กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (17 ม.ค.) อนุมัติจัดตั้งกองทุนพัฒนา SME
วงเงิน 20,000 ล้านบาท ผ่านกลไกสถาบันการเงินภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ
ไทย (ธพว.) หรือ SMEBank, ธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารออมสิน เพื่อช่วยเหลือ SME เป็นการเฉพาะ โดยจะส่ง
เสริม SME ทุกกลุ่ม ทั้งเกษตร อุตสาหกรม ท่องเที่ยว และบริการ คาดกองทุนฯ ดังกล่าวจะเริ่มทำงานได้ภายใน 2 เดือน
  • นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผย BOJ จะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
ต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายในการผลักดันเงินเฟ้อสู่ระดับ 2% แม้ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของญี่ปุ่นจะปรับตัวลงก็ตาม โดย
ขณะนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับฟื้นตัวปานกลาง และมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นระดับปานกลางในอนาคต แม้จะต้องเผชิญกับ
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัล ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2560 ขึ้นสู่
ระดับ 6.5% โดยเพิ่มขึ้น 0.3% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
  • สื่อท้องถิ่นของอังกฤษรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังเตรียมมาตรการต่างๆไว้รับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในตลาด

หุ้นและตลาดเงิน ภายหลังจากนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

(Brexit) ในการแถลงข่าววันพรุ่งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ