นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.19/20 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.25/29 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวาน เป็นผลจากที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเพราะได้รับแรงกดดันจากเหตุที่มีการ ออกมาประท้วงนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ประกอบกับตัวเลข GDP ไตรมาส 4/59 ของสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดีนัก
"ดอลลาร์อ่อนค่าลง เพราะได้รับแรงกดดันจากกรณีการประท้วงนโยบายของทรัมป์ รวมทั้ง GDP ไตรมาส 4 ของ สหรัฐฯ ก็ออกมาไม่ค่อยดีนัก" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.15-35.25 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.1800 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (30 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.36771% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (30 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.55962%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 113.66/68 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 114.71 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.0693/0697 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0691 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.2590 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปีนี้สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และเอสเอ็มอี ของธนาคารจะเน้นใน 4 อุตสาหกรรม
ประกอบด้วย ท่องเที่ยว โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ บริการสุขภาพ ยานยนต์ โดยสินเชื่อเอสเอ็มอีมีสัดส่วนของ 4 อุตสาหกรรม
ดังกล่าวสูงถึง 30% จากยอดสินเชื่อ 657,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโต 4-6% ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่มี
พอร์ตสินเชื่อที่ 511,700 ล้านบาท ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 4-6% หรือ 30,000 ล้านบาท และล่าสุดได้มีสัญญาณการลงทุนโครงการ
ขนาดใหญ่ของภาครัฐจำนวนมาก เพราะมีผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างโครงการภาครัฐมายื่นขอหนังสือค้ำประกันเพื่อประมูลงาน
100,000 ล้านบาท หากชนะการประมูล ต้องการใช้สินเชื่อก็สามารถขอเบิกได้ภายใน 90 วัน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกหนังสือเวียน เพื่อออกแนวปฏิบัติอันเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับกระบวนการรับ
ลงทะเบียนนิติบุคคลในการให้บริการพร้อมเพย์ สำหรับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง ให้รับทราบและถือปฏิบัติ
เพื่อความรัดกุม ปลอดภัย และถูกต้องเชื่อถือได้ ก่อนให้บริการในวันที่ 1 มี.ค.นี้
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า ไตรมาสแรกของปี 2560 (มกราคม-มีนาคม) ไทยจะมีรายได้จาก
การท่องเที่ยวรวม 7.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และคาดว่าจะทำให้รายได้ท่องเที่ยวทั้งปี 2560 บรรลุเป้าหมายรายเติบโต
10% สร้างรายได้รวม 2.77 ล้านล้านบาทได้อย่างแน่นอน จากปี 2559 มีรายได้ 2.52 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% สูงกว่าเป้า
หมายที่ตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท
- หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ประกาศนโยบาย Made in USA. ต้องการให้ผู้ผลิตสินค้าทุก
ประเภทย้ายฐานการผลิตกลับสู่ประเทศสหรัฐ สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ ทำให้เป็นที่จับตามองของประเทศต่างๆ ทั่ว
โลก ยันไม่กระทบฐานการผลิตในไทย จับตาภาษีห่วงกระทบสินค้าทุกประเภท
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน
ประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 1.9% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.2% เนื่องจากภาวะ
เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
- นายมาร์ค เฟเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระหว่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในนาม "Dr.Doom" ซึ่งเป็นฉายาที่เขา
ได้รับจากการพยากรณ์การเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกก่อนหน้านี้ได้อย่างแม่นยำ กล่าวในวันนี้ว่า สินทรัพย์ของสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์
จะประสบความเสียหายในระยะยาว ขณะที่นักลงทุนได้รับผลกระทบทางจิตวิทยาจากการออกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดย
ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่สั่งระงับการผ่านเข้าประเทศ
สหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.69 เยน จากระดับ 115.08 เยน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0693 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0696 ดอลลาร์
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ
เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยว
กับนโยบายสกัดผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินเป็นวันที่ 2 ในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า แบงก์
ชาติญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและเงินเยนที่ร่วงลงมีส่วน
ช่วยกระตุ้นการส่งออกและการผลิต
- ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.โดยเอสแอนด์พี/เคสชิลเลอร์ และดัชนีความ
เชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.โดย Conference Board
- นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะมีขึ้นในวัน
ที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี