(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.14 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน กังวลนโยบาย"ทรัมป์"-จับตาผลประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 1, 2017 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.14 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.19/21 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าจาก ความกังวลต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

"บาทแข็งค่าลงมาจากเย็นวานนี้ค่อนข้างเยอะ หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากความกังวลนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ว่าจะไม่ดี จริง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 35.10-35.20 บาท/ดอลลาร์

"คืนนี้จะมีการประชุม FOMC ที่อาจส่งผลต่อค่าเงินในระดับหนึ่ง และคืนวันศุกร์จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญคือการจ้าง งานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ" นักบริหารเงิน กล่าว

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.1350 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (31 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.36202% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (31 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.55070%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 112.91 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.82/85 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.0794 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0702/0705 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1930 บาท/
ดอลลาร์
  • วันนี้กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนมกราคม 2560
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยจะปรับตัวอ่อนแอลงในปี 2560 หลังจากที่ผลการ
ดำเนินงานในปี 2559 มีสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และอัตรากำไรที่ปรับตัวด้อยลงเล็กน้อย ทั้งนี้ การ
ปรับตัวด้อยลง ดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมเป็นลบของภาคธนาคารพาณิชย์ไทยที่ฟิทช์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกองทุนและอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญยังคงปรับตัวเข็งแกร่งขึ้นและน่าจะสามารถรับมือกับ
ความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ยังคงอ่อนแอได้
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยปี 60 เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น ล่าสุดปี 59 ไทย
มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดประวัติการณ์ จับตาการลงทุน-บริโภคเอกชน รวมถึงท่องเที่ยว พบคนไทยหันถือครองสินทรัพย์ต่าง
ประเทศเพิ่ม ทำให้มีเงินไหลออก 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
  • ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 111.8 ในเดือนม.ค.
หลังจากพุ่งแตะระดับ 113.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
  • นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้น
ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน
ช่วงกลางปี
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
(31 ม.ค.) หลังที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมากล่าวโจมตีเยอรมนีว่ากำลังใช้ยูโรที่อ่อนค่าเกินความ
เป็นจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบต่อสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับ
ตัวลดลงในเดือนม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่ง
เปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้และจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาในสหรัฐ ค่าเงินยูโรทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0801
ดอลลาร์ จากระดับ 1.0693 ดอลลาร์ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.76 เยน จากระดับ 113.69 เยน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่อง
จากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความ
วิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายสกัดผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีก
ปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นด้วย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการ
ฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนธ.ค.
  • นักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลา

ไทย ด้านนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดว่า

อัตราว่างงานจะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ