รมว.คลัง คาด NPL มีแนวโน้มลดลง หลังภาพรวมศก.ฟื้นตัว ลุ้น GDP ปีนี้โต 4% หากเอกชนเร่งลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 1, 2017 17:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ในอีก 6 เดือนข้างหน้าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของระบบธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ NPL สิ้นปีนี้ลดน้อยลงกว่าปัจจุบัน เนื่องจากรัฐบาลได้พยายามบริหารให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพ 4-5% ต่อปี

"หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมายังขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้อีก 6 เดือนคาดว่า NPL จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ" รมว.คลัง กล่าว

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเต็มที่จะช่วยแก้ปัญหาได้หลายเรื่อง อาทิ ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ โดยในปี 60 ตั้งเป้าหมายว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีขึ้นที่ 4% เป็นเป้าหมายที่อยากเห็น และหวังว่าในระยะต่อไปเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพที่ระดับ 4-5%

ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ที่ระดับ 4% นั้น ส่วนหนึ่งคงขึ้นอยู่กับภาคเอกชนด้วย โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังประเมินว่าในปีนี้การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ระดับ 2.7% ยังถือว่าเป็นระดับที่เติบโตน้อยหากเทียบกับระดับปกติที่ขยายตัว 18-20% ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับคือภาคเอกชนยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ไม่ใช่เพียงการลงทุนอย่างเดียวเท่านั้น เช่น ประโยชน์ที่จะได้รับกลับมาจากการลงทุน ซึ่งในทุกภาคอุตสาหกรรมมีแผนลงทุน แต่ก็มีหลายภาคอุตสาหกรรมที่ยังไม่แน่ใจ และมีเหตุผลในการพิจารณาลงทุนแตกต่างกันออกไป

นอกจากนี้ เอกชนยังต้องคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันด้วย ไม่ใช่เพียงแค่พิจารณาเรื่องแผนการขยายการลงทุนอย่างเดียวเท่านั้น โดยหลังจากนี้เอกชนคงต้องกลับมาพิจารณาเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่ไปด้วย หากไม่พัฒนาในเรื่องนี้จะสู้คู่แข่งไม่ไหว ต้องเริ่มคิด ซึ่งในท้ายที่สุดภาพรวมการลงทุนของภาคเอกชนก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนกรณีคนพิการจะฟ้องศาลปกครองให้ระงับการเรียกเงินส่วนเกินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมาเป็นรายได้ของคลังนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิของกลุ่มดังกล่าว โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังเรียกเงินจากหลายกองทุนไม่ใช่เฉพาะกองทุนคนพิการ โดยจะมีการพิจารณาจากคณะกรรมการกองทุนนั้น ๆ ว่ามีแผนใช้เงิน และรายได้เข้ามาจำนวนเท่าใด หากมีสภาพคล่องส่วนเกินก็จะเรียกเงินเข้าคลังเพื่อไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ แต่หากกองทุนใดมีเงินไม่เพียงพอกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาเติมเงินให้เช่นกัน

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างออกกฎหมายลูกกำหนดเพดานเงินสะสมในแต่ละกองทุน หากเกินกว่าเพดานที่กำหนดจะเรียกเงินดังกล่าวเข้าคลังเพื่อใช้พัฒนาเศรษฐกิจและให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป เพราะหากเงินไปกองอยู่ในกองทุนเฉย ๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์ในภาพรวม โดยปัจจุบันมีทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 114 กองทุน มีสินทรัพย์รวม 3.19 ล้านล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ