รัฐบาลปลื้ม ประชาชนตอบรับ"พร้อมเพย์"หลังเปิดให้บริการ 27 ม.ค.ชี้ช่วยยกระดับศักยภาพการเงินประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 3, 2017 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดให้บริการพร้อมเพย์หรือการโอนและรับเงินแบบใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. พบว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เช่น โอนเงินได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา เพียงใส่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชนที่ลงทะเบียนกับพร้อมเพย์ไว้

"ข้อดีของพร้อมเพย์คือ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือเสียน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำธุรกรรมตามปกติ แม้จะโอนต่างธนาคาร เช่น โอนเงินครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท จะไม่เสียค่าธรรมเนียม, โอนเงิน 5,000 – ไม่เกิน 30,000 บาท เสีย 2 บาท, โอนเงิน 30,000 – ไม่เกิน 100,000 บาท เสีย 5 บาท, โอนเงิน 100,000 บาทขึ้นไป เสีย 10 บาท โดยธนาคารอาจมีการแข่งขันให้ค่าธรรมเนียมถูกลงได้อีก จึงอยากให้ประชาชนไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ที่ธนาคารที่ตนเองมีบัญชีอยู่หรือผ่านระบบออนไลน์ก็ได้" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

สำหรับข้อกังวลในเรื่องความปลอดภัยนั้น ธนาคารจะมีการตรวจสอบตัวตนของลูกค้าและความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์อย่างรัดกุมตามแนวทางปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นอกจากนี้ ระบบกลางยังมีความปลอดภัยเพราะพัฒนาจากระบบโอนเงินที่เป็นระบบปิด คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลผู้ลงทะเบียนได้ เพราะไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสู่ภายนอก และยังถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบชำระเงินจากต่างประเทศที่มีแผนรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งผู้โอนเงินต้องมี Username และ Password ส่วนผู้รับเงินจะนำเงินออกมาใช้ได้ก็ต้องทำธุรกรรมตามปกติ

"พร้อมเพย์ยังมีประโยชน์มากสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะ SMEs และ e-commerce เพราะผู้ซื้อเพียงรู้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ขายก็สามารถโอนเงินได้ทันที ไม่ต้องถือเงินสดมากๆ ไม่ต้องจำเลขบัญชีธนาคาร และประหยัดค่าธรรมเนียม ช่วยลดต้นทุนการบริหารเงินสดของธนาคาร ลดต้นทุนของประเทศในการโอนเงินได้ปีละ 1.8 แสนลบ. ง่ายต่อการจัดเก็บภาษี ลดปัญหาคอร์รัปชัน และช่วยให้รัฐมีฐานข้อมูลสำหรับใช้ติดต่อประชาชนทุกกลุ่มจากการเชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์ เลขบัญชีธนาคาร และเลขประจำตัวประชาชน เพื่อจัดสวัสดิการให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร คนชรา ฯลฯ" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

สำหรับในวันที่ 1 มี.ค.60 จะเริ่มเปิดให้นิติบุคคลลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์ และเริ่มให้บริการโอนเงินได้ทันที รวมทั้งจะเริ่มให้มีการใช้ใบกำกับภาษี (e-Tax Invoice) ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการเงินและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เข้มแข็ง และประชาชนได้รับบริการอย่างมีประสิทธิภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ