ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.00 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 34.95-35.05

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 6, 2017 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 35.08 บาท/ดอลลาร์ หลังมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา เนื่องจากตลาดกังวลที่นโยบายทาง เศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่มีความชัดเจน

"บาทแข็งค่าจากวันศุกร์ค่อนข้างเยอะ ปรับตัวลงมาอยู่ระดับใกล้เคียงช่วงหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน พฤศจิกายนปีก่อน เพราะตลาดเห็นว่านโยบายของทรัมป์ยังไม่ชัดเจน ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ จะออกมาดีแต่แนวโน้มการ ขึ้นค่าจ้างลดลง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินฯ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.95-35.05 บาท/ดอลลาร์

"ถ้าบาทแข็งค่าหลุด 35 (บาท/ดอลลาร์) ทางแบงก์ชาติอาจเข้ามาดูแลไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.31 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 113.10/30 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0785 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0745/0750 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.0940 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (6-10 ก.พ.) ที่ 35.00-35.20 บาท/
ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจต้องจับตาการตอบรับของตลาดในช่วงต้นสัปดาห์ต่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ สัญญาณเกี่ยว
กับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาสหรัฐ (เฟด)

ขณะที่ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ช่วงต้น) เดือนก.พ. ดัชนีราคา นำเข้า/ส่งออกเดือนม.ค. สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนธ.ค.59 นอกจากนี้นักลงทุนอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค. ของจีน และผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ในวันที่ 8 ก.พ.ด้วยเช่นกัน

  • ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ( 6-10 ก.พ.)จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.00-35.30
บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ในคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ต้องรอดูการเปิดเผยรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน
มกราคมซึ่งอาจจะชี้ถึงทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่
ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุมรอบแรกของปีนี้ เพื่อรอประเมินผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอก ขณะที่ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจ
ไทยในเดือน ธ.ค. 2559 จะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น แต่คงต้องยอมรับว่า แรงกระตุ้นบางส่วนน่าจะมาจากปัจจัยชั่วคราว
  • ธนาคารกรุงเทพ มองภาพรวมธุรกิจธนาคารในปี 2560 ยังทรงตัวในครึ่งปีแรกเพราะยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่เด่นชัด
และจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป หลังจากที่รัฐบาลเริ่มลงทุนโครงการก่อสร้างพื้นฐาน เช่น ทางยกระดับ 2-3
แห่ง รถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าที่จะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง เกิดการจ้างงานแรงงานมีรายได้ มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยส่วนตัว
คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะโต 3-3.2%
  • กระทรวงพาณิชย์ เตรียมแถลงแผนยุทธศาสตร์การส่งออกปี 2560 ที่จัดทำขึ้นใหม่ ซึ่งได้รวมการประเมินความเสี่ยง
จากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งจากนโยบายการค้าของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และผลกระทบจากการออกจากสหภาพยุโรป
ของเครือสหราชอาณาจักร (เบร็กซิต)
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.8%
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แสดงความยินดีต่อการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค.
โดยระบุว่า ขณะนี้ชาวอเมริกันกำลังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์(3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อ
ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐเดือนม.ค.แข็งแกร่งเกินคาด โดยยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ 1.0766
ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0764 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเงินเยนที่ระดับ 112.97 เยน จากระดับ
112.71 เยน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์(3 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำ หลังจากตัวเลขรายได้ต่อ
ชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานสหรัฐในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นในอัตราลดลง จึงทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้น
ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากสถานการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะนี้
  • นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่าง

ค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่านโยบายทางการคลังของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวเกินกว่า

ระดับที่ยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ