เอกชนไทย-เมียนมาร่วมลงนาม MOU ครั้งประวัติศาสตร์ 16 ฉบับ เพื่อพัฒนาความร่วมมือใน 4 กลุ่มหลัก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 7, 2017 16:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 2-5 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ได้เข้าพบนายติน จ่อ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และนางออง ซาน ซูจี รมว.ต่างประเทศ และที่ปรึกษาแห่งรัฐ

ขณะที่ภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย สภาธุรกิจไทยเมียนมา สมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นถึง 16 ฉบับ ภายใต้ชื่อว่า Growing together Myanmar-Thai Business Partnership MOU signing Ceremony 2560 โดยมีสักขีพยานจากผู้นำภาครัฐของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสื่อถึงความร่วมมือที่จะพัฒนาและเติบโตร่วมกันและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยสามารถแบ่งกลุ่ม MOU ออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 Growing Together in SME Development Training and Inspiring เพื่อพัฒนาบุคคลากรและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ SME รวม 5 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงระหว่างศูนย์อาเซียน (FACT) สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) และ ศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งจะแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจระหว่างกัน 2.ความตกลงระหว่างธนาคารกสิกรไทย และ สภาหอการค้าของเมียนมา(UMFCCI) ที่จะร่วมกันอบรมให้ความรู้และพัฒนา นักธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก 3.ความตกลงระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ UMFCCI ที่จะส่งเสริมให้ SME มีประสิทธิภาพมากขึ้น 4.ความตกลงระหว่างธนาคารกสิกรไทย และธนาคาร KBZ ที่จะสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการค้าชายแดน และ 5.ความตกลงระหว่าง 3 บริษัท คือ บ.Mushroom บ. 360 solution และ บ.JBN global ที่จะสร้างความร่วมมือในสร้างแรงบัลดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ผ่านรายการ Young Billionaire

กลุ่มที่ 2 Growing Together in Industry Foundation Development รวม 4 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงร่วมมือระหว่าง PAN group และ Apexworld ในการสร้างโรงงานรองเท้าแห่งแรกในเมียวดีที่ร่วมกันใช้ความได้เปรียบของทั้ง 2 ประเทศ โดยอาศัยสิทธิพิเศษ และ แรงงานในเมียนมา และอาศัยความรู้ด้านการผลิต การตลาดจากประเทศไทย 2.ความตกลงร่วมมือระหว่าง การนิคมแห่งประเทศไทย กับ Ayarawaddy Development Public ในการพัฒนาท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรมเมืองปะเต็ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุดิบ 3.ความตกลงร่วมมือระหว่างบริษัทมิตรผล และ บริษัท Su Tech Engineering ที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาลเต็มรูปแบบในเมียนมา และ 4. ความร่วมมือระหว่างบริษัท FT Energy กับ บริษัท Delco เพื่อให้คำปรึกษาในเรื่องพลังงานและ โครงสร้างพื้นฐานในเมียนมา

กลุ่มที่ 3 Growing Together In Human Capacity Development รวม 4 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงระหว่างสภาอุตสาหกรรมฯ และ Myanmar Industries Association (MIA) ในการพัฒนาศักยภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรมทุกระดับ 2. ความตกลงระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ และ สมาคมธนาคารเมียนมา MBA ในการพัฒนาศักยภาพคนด้านการธนาคาร 3.ความตกลงระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ UMFCCI ในการพัฒนาศักยภาพของด้านการค้าการตลาด และ 4.ความตกลงระหว่าง โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท และ Global Assistant ในการยกระดับศักยภาพการรักษาพยาบาลของเมียนมา

กลุ่มที่ 4 Growing Together to Leap to Digital Economy เพื่อที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิตอลไปด้วยกัน รวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงระหว่าง สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมฯ (GS1 Thailand) กับ MIA ในการนำเทคโนโลยี Barcode ในการติดตามและค้นหาสินค้าไปใช้อย่างเต็มที่ในเมียนมา 2.ความตกลงระหว่างกลุ่ม IT สภาอุตสาหกรรมกับ UMFCCI ในเรื่องมาตรฐานการพัฒนา Software ซึ่งไทยได้พัฒนาจนได้รับมาตรฐาน ISO เพื่อทำให้การพัฒนาระบบ Software มีมาตรฐานสากล และ 3.ความตกลงระหว่าง T2P กับ City Mart Group ในการสร้าง E-wallet และ E-gift Platform

นอกจากนี้ยังมีการประชุมหารือใน 5 กลุ่มย่อยคือ 1) การค้าชายแดน และ Logistics 2) อุตสาหกรรม 3) พลังงาน 4) เกษตรกรรม การประมง และการเพิ่มมูลค่า และ 5) ท่องเที่ยว โดย 5 กลุ่มย่อยนี้มีการกำหนดการประชุมครั้งต่อไปผ่านระบบ Video Conference ในเดือนมีนาคม 2560 และประชุมต่อเนื่องในทุกๆเดือนเพื่อที่จะก่อให้เกิดการร่วมมือกันอย่างยั่งยืนเป็นระบบที่ชัดเจนต่อไปในอนาคต การประชุมจะประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายเมียนมาคือ นักธุรกิจเมียนมา (UMFCCI) ฝ่ายไทย คือนักธุรกิจไทยตัวแทนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผ่านทางสภาธุรกิจไทย เมียนมา รวมทั้งนักธุรกิจไทยในเมียนมา(TBAM)

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมด้านอุตสาหกรรม และ พลังงาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพด้าน เกษตร ประมง และท่องเที่ยว สำหรับการค้าชายแดนทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลัก และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ