กยท. ถกเกษตรกร-ผู้ประกอบการหาแนวทางแก้ปัญหาราคาน้ำยางสดผันผวน หลังสถานการณ์ยางเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 8, 2017 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงกรณีราคาน้ำยางสดที่มีความผันผวนมากนั้น เนื่องจากราคายางกำลังกลับเข้าสู่กรอบราคาตามภาวะปกติ เพราะสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เริ่มคลี่คลาย เกษตรกรสามารถกรีดยางได้ ประกอบกับช่วงนี้ของทุกปีเป็นฤดูกาลที่ต้นยางให้ผลผลิตน้ำยางมากอยู่แล้ว ดังนั้นผลผลิตในตลาดจึงมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ราคายางอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยราคาจะลดลง เพราะประเทศผู้ซื้อจะหยุดการทำงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โรงงานที่รับซื้อยางพารา แรงงาน ตลอดจนระบบขนส่งต่างๆ อาจเป็นสาเหตุให้ราคาน้ำยางสดมีการปรับราคาลงบ้าง

ผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า ได้เร่งแก้ไขปัญหา เพื่อหาแนวทางร่วมกันระหว่างระหว่างผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ ซึ่งผลการหารือเป็นไปในทิศทางที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย โดย กยท.จะจัดตั้งตลาดกลางน้ำยางสด เพื่อเพิ่มจุดรับซื้อ ขาย และสะท้อนราคาในท้องถิ่นที่แท้จริง ซึ่งนายกสมาคมผู้ประกอบการน้ำยางในท้องถิ่นยืนยันพร้อมเข้าร่วมสนับสนุน ขณะเดียวกัน กยท.จะเร่งส่งเสริมด้านแปรรูปยางพาราในพื้นที่ให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งาน โดยริเริ่มโครงการพี่ช่วยน้อง เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็งเป็นพี่เลี้ยง และรับซื้อน้ำยางสดจากกลุ่มเกษตรกรรายย่อยเพื่อไปแปรรูปเป็นสินค้าขั้นกลาง และขั้นปลาย และ กยท. จะสนับสนุนด้านทุน และองค์ความรู้ พร้อมทั้งช่วยหาตลาด

"เกษตรกรต้องปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานจากการพืชเชิงเดี่ยว (ปลูกยางอย่างเดียว) ไปเป็นการปลูกพืชผสมผสาน หารายได้จากผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ทดแทนการเรื่องยางเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญ ภาคเกษตรกรจะต้องมีการส่งเสริมการประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ เช่น การปลูกพืชผสมผสาน เสริมรายได้ในสวนยาง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นแนวทางแก้ปัญหาแบบไตรภาคี เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น" นายธีธัช กล่าว

นายธีธัช กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคายางได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานยางในประเทศผู้ผลิตยางลดลง ขณะที่ความต้องการของผู้ประกอบการยังคงมีอยู่ โดยมีหลายสาเหตุที่ทำให้ผลผลิตลดลง ทั้งจากนโยบายชะลอการส่งออกด้วยการควบคุมปริมาณยางของ 3 ประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ในปี 2559 ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณยางหายไปจากตลาดซื้อขายโลกประมาณ 7 แสนตัน ประกอบกับภาวะฝนตกหนักและน้าท่วมขังในภาคใต้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 จนถึงเดือนมกราคม 2560 เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถกรีดยาง ต้นยางได้รับความเสียหาย ปริมาณผลผลิตยางที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณลดลงประมาณ 3-4 แสนตัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนให้ราคายางพุ่งสูงขึ้นอีกหลายปัจจัย ได้แก่ ประเทศจีนเร่งซื้อยางเพื่อนำไปผลิตเป็นล้อยางส่งไปสหรัฐฯ ก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนาเข้าตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ราคาสูงขึ้นเป็นไปตามกลไกตลาดในช่วงขณะนั้น

"สภาวะที่ราคายางพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วนี้ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติ ดังนั้นเมื่อปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังกล่าวกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ผลผลิตยางออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นย่อมส่งผลให้ราคายางมีการปรับตัวลดลงซึ่งถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาด" นายธีรัช กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ