นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ตลาดมันสำปะหลังพบว่า ราคามันเส้นส่งออกที่เหมาะสมนั้นควรอยู่ที่ระดับราคาไม่ต่ำกว่า FOB 180 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ซึ่งในระดับราคาดังกล่าวเกษตรกรสามารถ ขายผลผลิตหัวมันสดได้ในราคา 1.90 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มกับต้นทุนของเกษตรกร แต่อย่างไรก็ตามพบว่ามีผู้ส่งออกบางรายขายต่ำกว่าราคาเป้าหมายมาก ทำให้ผู้ซื้อชาวจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไทย ใช้เป็นเกณฑ์ในการกดราคารับซื้อจากผู้ส่งออกไทยรายอื่นๆซึ่งการขายมันเส้นส่งออกในราคาต่ำจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดส่งออก และราคามันสำปะหลังภายในประเทศ โดยในเบื้องต้นกระทรวงฯ ได้เชิญผู้ส่งออกมันเส้นมาหารือและขอความร่วมมือในการผลักดันราคามันเส้นส่งออกให้สูงขึ้นแล้ว
โดยได้ขอความร่วมมือ 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ไปหารือกับสมาชิก เพื่อกำหนดราคาขั้นต่ำในการส่งออกมันเส้นว่าควรจะเป็นราคาเท่าไร และไม่ให้สมาชิกส่งออกมันเส้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนด เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้
"ที่ต้องกำหนดราคาขั้นต่ำในการส่งออกมันเส้น เพราะขณะนี้มันเส้นส่วนใหญ่ 99% ส่งออกไปยังตลาดจีน และในการนำเข้าของจีนมีผู้นำเข้ารายใหญ่แค่ 5 รายที่คุมตลาดอยู่ และได้มาติดต่อซื้อกับผู้ส่งออกไทย โดยมีบางรายขายให้ในราคาถูก ทำให้ผู้ซื้อมากดราคาซื้อจากผู้ส่งออกรายอื่นๆ อีก ก็เลยยิ่งทำให้ราคามันเส้นตกต่ำ ตอนนี้เหลือประมาณตันละ 160 เหรียญสหรัฐ จากเป้าราคาที่ควรจะเป็นที่ตันละ 180 เหรียญฯ ซึ่งหากไม่เข้าไปดูแล ก็จะกระทบต่อราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้" นาวินิจฉัย กล่าว
สำหรับการกำหนดราคาขั้นต่ำในการส่งออกนั้นจะประเมินจากราคาเอทานอลในตลาดจีน และมาทอนเป็นราคามันเส้น จากนั้นจะมากำหนดราคาขั้นต่ำ และให้ผู้ส่งออกทุกรายส่งออกตามราคาที่กำหนด หากใครไม่ปฏิบัติตาม สมาคมที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการจัดการ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันราคาให้ได้ตันละ 180 เหรียญฯ เพื่อให้ราคาหัวมันสดอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 1.90 บาท
นายวินิจฉัย กล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้หามาตรการดึงราคามันสำปะหลัง โดยจะผลักดันให้นำมันเส้นไปผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น แอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้กำลังคุยกับกระทรวงการคลังอยู่ว่าทำได้หรือไม่ รวมทั้งขอความร่วมมือโรงแป้ง ลานมัน และผู้ส่งออก ให้รับซื้อหัวมันสำปะหลังจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่หากไม่ได้ผล จะพิจารณาหามาตรการเข้ามาดูแลเพิ่มเติมต่อไป
"หากสถานการณ์ฯ ยังไม่ดีขึ้น กระทรวงฯ จำเป็นที่จะต้องหามาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าราคาที่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ของไทยได้รับอยู่ในระดับที่เหมาะสม และขอฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นโรงแป้ง ลานมัน หรือผู้ส่งออก ซึ่งเป็นกลุ่มที่รับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรว่าขอความร่วมมือ ให้รับซื้อมันสำปะหลังอย่างเป็นธรรมจากเกษตรกรด้วย เพื่อที่กระทรวงฯ จะได้ไม่ต้องกำหนดมาตรการจัดระเบียบเพิ่มเติม"
ส่วนการตรวจสต๊อกของผู้ส่งออกหลังจากกระทรวงฯ ได้กำหนดมาตรการให้ผู้ส่งออกที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.60 จะต้องมีสต๊อกมันสำปะหลังต่อการส่งออกในอัตราส่วน 1.5 ต่อ 1 นั้น จากการตรวจสอบสต๊อก 3 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าผู้ส่งออกทุกรายให้ความร่วมมือในการเก็บสต๊อกเป็นอย่างดี