พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีแนวทางการจัดการภาคการเกษตรโดยใช้แนวนโยบายที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มการผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ และใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เป็นศูนย์ของเกษตรกรต้นแบบที่สามารถให้ความรู้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการร่วมกัน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต มีการบริหารจัดการที่ดี ภายใต้การสนับสนุนและบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีการสนับสนุนทั้งด้านความรู้โดยใช้งานวิจัย เทคโนโลยี และการบริหารจัดการเข้าไปช่วยพัฒนา เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในด้านต่างๆ รวมทั้งยกระดับมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย
ทั้งนี้ จากการตรวจเยี่ยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ที่ได้เดินทางตรวจติดตามผลการดำเนินงานพื้นที่แปลงใหญ่ข้าวเกษตรสมัยใหม่ ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.60 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมีความพอใจในการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานเกษตรแปลงใหญ่
สำหรับพื้นที่แปลงใหญ่ข้าวเกษตรสมัยใหม่ ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ที่มีนายบุญมี สุระโคตร เป็นประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าว มีเกษตรกรสมาชิกประมาณ 1,200 คน แบ่งเป็น 5 กลุ่มย่อย มีพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ ประมาณ 20,000 ไร่ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล โดยจากการรวมกันผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านรายได้ที่ทำให้เกษตรกรได้รับมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และการพัฒนาคุณภาพ เฉลี่ยประมาณ 37,000 บาท/ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้และลดต้นทุนในการใช้ปุ๋ยเคมี อาทิ การสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินโดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว และการปลูกพืชหมุนเวียนในไร่นา เป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดผลสำเร็จจากการรวมกลุ่มเกษตรกรและขยายผลอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงความก้าวหน้าของการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ในภาพรวมว่า จากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเห็นผลสำเร็จแล้ว 600 แปลง ซึ่งในปี 2560 ได้วางเป้าหมายให้สำเร็จ 1,512 แปลง ปัจจุบันได้ผ่านการรับรองแล้ว 1,021 แปลง ในพื้นที่ 2,000,000 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย จาก 33 สินค้าที่ได้ดำเนินการในปีที่ผ่านมา ขณะนี้ขยายเป็น 67 สินค้า เพิ่มจาก 9 กลุ่มประเภทสินค้า เป็น 10 กลุ่มประเภทสินค้า โดยประเภทสินค้าที่เพิ่มขึ้น คือ กลุ่มของแมลงเศรษฐกิจ อาทิ ผึ้งชันโรง และจิ้งหรีด
โดยในการดำเนินงานที่ผ่านมา มีการแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์และขั้นตอนการบริหารจัดการแปลงใหญ่ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และเกษตรกรเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยขณะนี้มีหลายจังหวัดที่ต้องการเพิ่มการดำเนินการแปลงใหญ่ให้มากขึ้นในหลายกลุ่มชนิดสินค้า ดังนั้นจึงคาดว่าภายในปลายปีนี้จะสำเร็จได้เกินเป้าหมาย ขณะที่ความก้าวหน้าในการเตรียมการเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกที่จะเริ่มต้นในเดือน พ.ค.นี้ มีหลายจังหวัดได้บูรณาการงานและงบประมาณของทุกหน่วยงานเข้าไปรองรับ เพื่อเตรียมการให้แก่เกษตรกร ทั้งการจัดหาปัจจัยการผลิต การเตรียมการเมล็ดพันธุ์ การเตรียมแปลงเพาะปลูก ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้มีแผนการดำเนินงานและเข้าไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว