นายดนัย เอกกมล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.เตรียมเปิด"โครงการส่งเสริมการดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไกการตรวจสอบ และรับรองการจัดการพลังงานตามกฎหมาย"เพื่อดำเนินการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดการประหยัดพลังงาน สำหรับปี 2560 โดยจะจัดสรรเงินสนับสนุนแบบให้เปล่าจำนวน 40,000 บาท/ราย สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยจะเปิดให้ยื่นใบสมัครได้ภายใน 31 พ.ค.60 มีกลุ่มเป้าหมายคือโรงงานควบคุม และอาคารควบคุมที่ยังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการนี้ในปี 2559 คาดว่ามีทั้งสิ้นประมาณ 4,000 แห่ง
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวสืบเนื่องจากตามที่มีกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์และวิธีการจัดการ พลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ.2552 และประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ.2552 กำหนดให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมดำเนินการจัดการส่งผลการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ให้พพ.ภายในเดือนมี.ค.ของทุกปี
รายงานดังกล่าวจะต้องดำเนินการโดยผู้ตรวจสอบ และรับรองที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด โดยได้เริ่มดำเนินการครั้งแรกปี 2559 ซึ่งโรงงานและอาคารควบคุมที่เข้าเกณฑ์ต้องส่งรายงาน ได้แก่ โรงงานและอาคารควบคุมที่มีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าตั้งแต่ 3,000 KW หรือติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้ารวมตั้งแต่ 3,530 KVA ขึ้นไป หรือใช้พลังงานรวมตั้งแต่ 60 ล้านเมกะจูล/ปี ต้องมีผลการอนุรักษ์พลังงานได้ไม่น้อยกว่า 1.5% ของปริมาณการใช้พลังงานรวม หรือมีผลการประหยัดพลังงานไม่น้อยกว่า 3 แสนเมกะจูล โดยมีผู้เข้าร่วมขอรับการสนับสนุนและผ่านเกณฑ์จำนวน 746 แห่ง คิดเป็นวงเงินนับสนุน 29.84 ล้านบาท ซึ่งการจะรับเงินสนับสนุนดังกล่าวได้นั้นต้องส่งรายงานผลการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานให้ พพ.ก่อนเท่านั้น
นายดนัย กล่าวว่า สำหรับใน 2560 มีการปรับเกณฑ์ให้ผู้ร่วมโครงการ เป็นกลุ่มที่มีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าขนาดตั้งแต่ 2,000 KW หรือติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้ารวมตั้งแต่. 2,350 KVA ขึ้นไป หรือใช้พลังงานรวมตั้งแต่ 40 ล้านเมกะจูล/ปี โดยมีเป้าหมายการประหยัดพลังงานให้ได้ 300 กิโลตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ(KTOE ) ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องส่งรายงานการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ภายใน 31 มี.ค.60
สำหรับกลุ่มอาคารสร้างใหม่นั้น กระทรวงพลังงานเตรียมออกมาตรการประหยัดพลังงานตั้งแต่การก่อสร้าง โดยจะกำหนดเป็นกฎหมายบังคับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดจากกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย หากผ่านการพิจารณาเร็วก็คาดว่าจะเริ่มมีผลใช้ได้ภายใน 1-2 ปีนี้
โดยเกณฑ์เบื้องต้นจะกำหนดบังคับใช้กับอาคารใหม่ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 100 อาคาร และปีต่อไปจะครอบคลุมอาคารตั้งแต่พื้นที่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป และจากนั้นจะครอบคลุมพื้นที่อาคารตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป คาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานในอาคารลงได้ 10% เมื่อเทียบกับอาคารแบบเก่า แต่ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจะสูงขึ้นกว่าปกติ 6% เพราะวัสดุอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะเป็นกระจก แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่อาจช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการลงได้
นายดนัย กล่าวว่าอีกว่า การดำเนินการจัดการพลังงานสำหรับปี 2561 ซึ่งโรงงานและอาคารควบคุมต้องส่งรายงานผลการตรวจสอบและรับรองจัดการพลังงานภายในวันที่ 31 มี.ค.61 นั้น ครอบคลุมการให้การสนับสนุนทั้งหมด แก่โรงงานควบคุมและอาคารควบคุม นับเป็นกลไกใหม่ที่มีความท้าทายภารกิจสำคัญตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2558-2579 (EEP2015) ที่กำหนดเป้าหมายที่จะลดค่าความเข้มข้นการใช้พลังงานต่อผลผลิต (Energy Intensity) ลง 30% ภายในปี 2579 เมื่อเทียบกับปี 2553 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและนำไปสู่การอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม