นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ระบุว่า รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการแจกสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2561 หรือวันที่ 1 ต.ค.60 ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณปีละ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อจัดสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนไว้ ซึ่งได้กำชับให้ธนาคารกรุงไทย (KTB) เร่งจัดทำบัตรสวัสดิการแจกให้แก่ประชาชนก่อนวันที่ 1 ต.ค.60 เพื่อนำไปใช้รับสวัสดิการต่างๆ ที่ภาครัฐเตรียมมอบให้ เช่น การโดยสารรถเมล์ฟรี, รถไฟฟรี, ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า
พร้อมกันนี้ จะมีการพิจารณาให้นำบัตรสวัสดิการไปซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ โดยเฉพาะการซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ และซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะให้เป็นส่วนลด หรือจะเติมวงเงินให้ในบัตรเพื่อใช้ซื้อสินค้า
ส่วนผู้มีรายได้น้อยในต่างจังหวัดนั้น จะมีการพิจารณาจัดสวัสดิการให้เหมาะสม เช่น ค่าใช้จ่ายในการโดยสารรถไฟ, รถ บขส. ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกับสวัสดิการที่ผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพฯ ได้รับ ซึ่งในอนาคตอาจจะพิจารณาให้ผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในเมืองได้โดยสารรถไฟฟ้าโดยได้รับส่วนลดจากราคาปกติ
"สวัสดิการทั้งหมด จะพยายามให้ใช้ได้พร้อมกันในวันที่ 1 ต.ค.นี้ แต่หากสวัสดิการไหนไม่ทัน จะไปเพิ่มเติมให้ในภายหลัง รอบนี้คาดว่าจะมีผู้มาลงทะเบียนมากกว่า 10 ล้านคน และจะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ทุกปี ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนจะลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเป็นการสะท้อนว่าประชาชนเริ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหลุดพ้นจากการเป็นผู้มีรายได้น้อย" รมว.คลัง กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับบัตรผู้มีรายได้น้อยที่ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดำเนินการนั้น สามารถใช้เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยในอนาคตรัฐบาลจะให้เงินหรือสวัสดิการด้วยการโอนเข้าไปที่บัตรดังกล่าวนี้ ซึ่งจะทำให้มีการช่วยเหลือได้ตรงจุด ลดการรั่วไหล และการทุจริต เพราะที่บัตรจะแสดงรูปถ่ายและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันตัวตนของเจ้าของบัตรนั้น
"กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบ e-Payment ซึ่งจะทำให้คนไทยโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น และไม่มีความจำเป็นต้องเปิดบัญชีกับธนาคาร" รมว.คลัง กล่าว