(เพิ่มเติม2) รมว.คลัง ฝากแบงก์พาณิชย์ปรับส่วนต่างดอกเบี้ยรายใหญ่-รายย่อยสร้างความเท่าเทียมด้านต้นทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 11, 2017 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ฝากธนาคารพาณิชย์ช่วยพิจารณาเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อยให้มีความเหมาะสม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น ซึ่งช่วยสร้างความเท่าเทียมในเรื่องต้นทุนการประกอบธุรกิจ และช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีต้นทุนทางการเงินที่สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้

รมว.คลัง ระบุว่า ต้นทุนทางการเงินที่ผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มได้รับถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ในปัจจุบันจะพบว่าอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารพาณิชย์ที่ให้ระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กับผู้ประกอบการรายย่อยยังมีส่วนต่างค่อนข้างสูง

"ขอฝากให้ธนาคารไปช่วยดู เราอยากจะสร้างความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้น...คงต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยให้รายเล็กอยู่รอดได้ เมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ ให้เขามีต้นทุนทางการเงินที่สามารถแข่งขันได้" รมว.คลัง กล่าวในระหว่างการเปิดงาน Money Expo 2017

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า จุดประสงค์หลักของรัฐบาลคือการบริหารเศรษฐกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จำเป็นต้องมีองคาพยพอื่นๆ มาเป็นส่วนประกอบ โดยสิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าอยู่ตอนนี้คือ การลงทุนเพิ่มขึ้นผ่านโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งเป็นความพยายามที่รัฐบาลจะผลักดันให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.5-3.6% และเมื่อเศรษฐกิจเติบโตได้ดี ประชาชนก็จะประสบปัญหาความยากจนลดลง

อย่างไรก็ดี ยังมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไข ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ดูแลธุรกิจของตัวเองว่าส่วนใดที่ยังมีความไม่เท่าเทียมก็ต้องจัดการแก้ปัญหา โดยเฉพาะความเท่าเทียม นอกจากนี้ ในเรื่องของความเหลื่อมล้ำยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องต้นทุนดอกเบี้ยที่ยังมีอัตราส่วนต่างที่สูงเกินไประหว่างผู้ประกอบการรายเล็กกับรายใหญ่ จึงได้ฝากให้ธนาคารพาณิชย์ไปช่วยพิจารณาในเรื่องนี้

"รัฐบาลไม่ได้บังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ เราอยากจะลดความเหลื่อมล้ำ แต่ก็อยากจะให้สถาบันการเงินกลับไปคิดเรื่องนี้ เวลาเราพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ควรจะนำไปคิด ส่วนแบงก์รัฐ เขาดูแลคนยากไร้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องเข้าไปทำในส่วนนี้" นายอภิศักดิ์ กล่าว

รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า ในอีก 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติจัดตั้งกองทุน เพื่อนำเบี้ยคนชราที่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ดีอยู่แล้วสละสิทธิและนำมาใส่รวมไว้ในกองทุนนี้ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลอาจจะมีการจัดทำเหรียญเชิดชูเกียรติเพื่อตอบแทนความเสียสละในครั้งนี้

"อยากให้คนที่ได้รับเบี้ยคนชราแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ สละสิทธิ และนำเงินในส่วนนี้ใส่ไปในกองทุน เพื่อจะได้นำเงินในกองทุนนี้ไปช่วยเหลือคนชราที่ยากจนจริงๆ ส่วนแรงจูงใจ จะทำเหรียญเชิดชูเกียรติเพื่อมอบให้ในความเสียสละครั้งนี้ เพราะสังคมควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้" รมว.คลัง กล่าว

ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า จากที่ รมว.คลังมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาปรับลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายใหญ่ หลังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายรายไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยในส่วนของธนาคารได้มีการใช้อัตราดอกเบี้ยพิเศษกับลูกค้าเอสเอ็มอีผ่านการทำแคมเปญต่างๆ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของลูกค้ารายใหญ่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะพิจารณาปรับลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสมแบบค่อยเป็นค่อยไปผ่านการทำแคมเปญต่างๆ และยอมรับว่าอาจมีผลกระทบต่อรายได้จากดอกเบี้ยให้ปรับลดลง แต่ธนาคารก็จะมีวิธีการอื่นๆ ในการลดต้นทุน อย่างเช่น การลดต้นทุนทางด้านทรัพยากรมนุษย์โดยการพัฒนาระบบไอที ประกอบกับ การเน้นให้ลูกค้าหันมาใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนที่ดี รักษาระดับผลการดำเนินงานไม่ให้ลดลง และรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า การลดดอกเบี้ยก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะส่งผลเสียต่อระบบหากเปิดกว้างมากเกินไป เพราะทุกคนจะแห่เข้ามาขอสินเชื่อ ซึ่งทำให้โอกาสที่ธนาคารได้ลูกค้าที่ไม่มีคุณภาพเข้ามา และมีโอกาสเป็นหนี้เสียเพิ่มได้ในอนาคต

ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยของธนาคารได้มีการปรับลดมานานแล้ว โดยสินเชื่อบุคคลได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 9% จากเดิมที่ 28% ในขณะที่สินเชื่อบ้านใหม่คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 3.33% และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ 3.49% เพื่อเป็นการกระตุ้นและดึงดูดลูกค้า พร้อมกับเป็นการช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ธนาคารยังคัดกรองเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพเพื่อป้องกันความเสี่ยงหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ