สภาผู้ส่งออก คงคาดการณ์ส่งออกปีนี้โต 3.5% หลังมองยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 29, 2017 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ระบุว่า ยังคาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในปี 60 จะเติบโตได้ประมาณ 3.5% แม้การส่งออกเดือนเม.ย.60 มีมูลค่า 16,864 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.49% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY)ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ 581,717 ล้านบาท ขยายตัว 7.75 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้การส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2560 มีมูลค่า 73,320.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโต 5.69% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY)

การส่งออกที่ขยายตัว เป็นผลเนื่องมาจากได้รับผลเชิงบวกมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 59 ที่ผ่านมาประมาณ 25% ทำให้สินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เป็นต้น และยังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกหลายรายการมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเชิงลบต่อการส่งออกของไทยที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงหาแนวทางการรับมืออย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย ความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ และการก่อการร้าย โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงที่เมืองมาราวี ประเทศฟิลิปปินส์ และกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, ความเสี่ยงจากข้อกีดกันทางการค้าทั้งจากประเทศคู่ค้าสำคัญและประเทศตลาดใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้รัฐบาลสหรัฐอมริกา, การแข็งค่าของสกุลเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อผู้ส่งออกโดยตรงทั้งในด้านของต้นทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย,

ปัญหาขาดแคลนตู้บรรจุสินค้าส หรับการส่งออก เนื่องจากการปรับตัวของสายเรือที่ลดการจัดสรรตู้สินค้าให้กับต้นทางการขนส่งที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนในการขนส่งตู้เปล่ามาให้กับผู้ส่งออกไทย ซึ่งส่งผลให้ผู้ส่งออกจำนวนมากไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าในต่างประเทศทันตามกำหนด, ปริมาณสินค้าคงคลังของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าในช่วงปลายปี 59 ต่อต้นปี 60 อาจทำให้มีการสั่งซื้อลดลงในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป,

ปัจจัยด้านเศรษฐกิจในตลาดคู่ค้าหลัก อาทิ ผลกระทบจาก E-Commerce ต่อธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอมริกา ผลกระทบจากการบอยคอตของจีนต่อเกาหลีใต้ ขณะที่ญี่ปุ่นเผชิญกับสถานการณ์ตลาดภายในประเทศ เนื่องจากความสามารถในการบริโภคของประชาชนลดลง สวนทางกลับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น 3% และโอกาสในการทำตลาดของธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดเล็ก (MSMEs) ของไทยยากลำบากมากขึ้นภายใต้การแข่งขันกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่และช่องทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่การพัฒนาการค้าระหว่างประเทศผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ Cross-Border E-Commerce ของไทยยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นของพัฒนา อาทิ การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นต้น

แต่ยังมีบริบทอีกมากตามแนวทาง eTrade for all ซึ่งนำเสนอโดยอังค์ถัด และประเทศไทยต้องดำเนินการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ประกอบไปด้วย 1) การประเมินความพร้อมภายในประเทศ (E-Commerce Assessments) 2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการข้อมูลและการสื่อสาร (ICT Infrastructure and Services) 3) การชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์(Payments) 4) โลจิสติกส์การค้าผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Trade Logistics) 5) การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Legal & Regulatory Frameworks) 6) การพัฒนาทักษะและขีดความสามารถถของบุคลากร (Skill Development) และ 7) การสนับสนุนด้านงบประมาณและแหล่งทุน (Financing for E-Commerce)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ