พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัฒน์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรายงานการประเมินผลขององค์การมหาชน ในการทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุติขององค์การมหาชน ของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มแรก เป็นองค์การมหาชนที่มีประสิทธิภาพที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรและมีธรรมาภิบาล เห็นควรให้ดำรงอยู่ต่อไป จำนวน 32 แห่ง โดยให้คงจำนวนบุคลากรและงบประมาณเอาไว้ตามเดิม
กลุ่มที่ 2 ให้ยังคงเป็นองค์การมหาชนอยู่ต่อไป แต่เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้รักษาการ มีจำนวน 3 แห่ง คือ 1.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) จากเดิมที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการ เปลี่ยนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาการแทน 2.สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) จากเดิมนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการ เปลี่ยนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แต่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าสมควรให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งรักษาการต่อไป เนื่องจากจะทำให้เกิดความเป็นเอกภาพและความคล่องตัวในการทำงาน 3.สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) ซึ่งเดิมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาการ และในวันนี้มีความเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รักษาการแทน
กลุ่มที่ 3 เห็นควรให้เป็นองค์การมหาชนต่อไป แต่ให้ปรับบทบาทภารกิจและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ไม่มีการเพิ่มบุคลากร มีจำนวน 2 แห่ง คือ 1.องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) โดยให้เปลี่ยนผู้รักษาการจากนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว ซึ่งรองนายกฯ ธนะศักดิ์ มีความเห็นว่าควรจะเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการตามเดิม และมีการปรับลดบทบาทและกำหนดขอบเขตการปฏิบัติงานใหม่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อให้การปฏิบัติงานในเขตพื้นที่การพัฒนาการท่องเที่ยวตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายภายในองค์การให้เหมาะสมต่อการดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งต่อไป 2.สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) โดยลดภารกิจลงเหลือแค่ 2 ภารกิจ คือ อุทยานการเรียนรู้และภารกิจพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ นอกจากนี้ให้แยกศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบจาก สบร.ออกมา เพื่อจัดตั้งเป็นสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นองค์การมหาชนอีกแห่งขึ้นมา และปรับลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรของ สบร.ลงอย่างน้อย 20% แต่ให้คงจำนวนบุคลากรไว้เท่าเดิม
กลุ่มที่ 4 ปรับเปลี่ยนสถานะของหน่วยงานในสำนักงานพัฒนาพิงค์นคร 2 หน่วยงาน คือ 1.สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ให้คืนกลับไปเป็นหน้าที่องค์การสวนสัตว์เป็นผู้กำกับดูแล และ 2.ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ให้โอนไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ได้มอบให้สำนักงาน กพร.ได้หารือกับองค์การสวนสัตว์และกระทรวงการคลังถึงความเป็นไปได้ในการรับโอนภารกิจดังกล่าว ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานพิจารณาแล้วสามารถรับดูแลภารกิจได้