รมว.คลัง เห็นใจเอกชนชะลอลงทุนหลังศก.ในประเทศมีปัญหา ยันรัฐเรงดึงต่างชาติ-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหวังจูงใจ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 26, 2017 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศที่ยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควรว่า ยอมรับว่ามีความเห็นใจภาคเอกชน เพราะก่อนจะตัดสินใจลงทุนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากปัจจัยในหลายด้าน ทั้งในด้านความจำเป็น ด้านความคุ้มค่า และด้านการตลาด เป็นต้น ซึ่งภาครัฐเองก็จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อให้เอกชนเกิดความคุ้มค่า และจูงใจในการเข้ามาลงทุนหรือขยายการลงทุน เช่น การให้สิทธิประโยชน์ ตลอดจนมาตรการด้านภาษี เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจะพบว่าภาคเอกชนของไทยไปลงทุนในต่างประเทศค่อนข้างมาก เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเศรษฐกิจของหลายประเทศประสบปัญหา ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ลดต่ำลง ดังนั้นนักลงทุนไทยจึงออกไปลงทุนในต่างประเทศมากกว่าเพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าลงทุนในประเทศ

สำหรับประเทศไทยนั้น สิ่งที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อจูงใจให้นักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุน คือ การเร่งสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S Curve) รวมทั้งการเร่งสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเมื่อในส่วนนี้มีความพร้อม ก็จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความสนใจเข้ามาลงทุน และสิ่งนี้ก็จะเป็นตัวช่วยดึงดูดให้ภาคเอกชนของไทยลงทุนตามมากขึ้น

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีของเงินกู้เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการรถไฟไทย-จีนว่า เรื่องแหล่งเงินกู้นั้นไม่ได้ติดปัญหาที่กระทรวงการคลัง เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างรอรายละเอียดจากกระทรวงคมนาคมว่าจะเสนอขอกู้เงินในจำนวนเท่าใด ซึ่งแหล่งเงินกู้ก็มีพร้อมอยู่แล้วทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งจากจีนเอง ซึ่งหากมีข้อเสนอการกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจก็สามารถกู้ได้ โดยขณะนี้กระทรวงการคลังได้เตรียมวงเงินกู้ 1.7 แสนล้านบาทไว้แล้วในแผนกู้เงินสำหรับปีงบประมาณรายจ่าย 61

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% เชื่อว่าจะสามารถสรุปออกมาเป็นมาตรการที่ชัดเจน เพื่อเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ทันตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้มาตรการดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ 61 (1 ต.ค.60) เป็นต้นไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ