พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยผลหารือกับนายโฮเซ กราเซียอาโน ดาซิลวา ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ว่า สาระสำคัญในการหารือครั้งนี้ คือ การชี้แจงความก้าวหน้าการแก้ปัญหา IUU ของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา IUU และถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้เข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ 2 ความตกลง ในช่วงปี 2559-2560 คือ ภาคีความตกลงมาตรการรัฐเจ้าของท่า (Port State Measures Agreement : PSMA) เมื่อเดือน พ.ค.59 โดยได้บรรจุสาระสำคัญของ PSMA ไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ.2558-2562 และภาคีความตกลงสหประชาชาติว่าด้วยการอนุรักษ์และจัดการประชากรสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ระหว่างเขตทางทะเลและประชากรสัตว์น้ำที่ย้ายถิ่นอยู่เสมอ (UNFSA) เมื่อเดือน พ.ค.60 ตลอดจนสนับสนุนการจัดตั้งวันสากลแห่งการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมด้วย โดย รมว.เกษตรฯ ได้ถือโอกาสขอบคุณทาง FAO ที่สนับสนุนความช่วยเหลือประเทศไทย เกี่ยวกับการดำเนินโครงการเพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม มาอย่างต่อเนื่องหลายโครงการด้วย
"FAO ได้รับทราบถึงความแน่วแน่ของประเทศไทยที่ได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ในด้านการทำประมง ไม่ว่าจะเป็น การดำเนินการตามแนวปฏิบัติโดยสมัครใจว่าด้วยมาตรการของรัฐเจ้าของธง เช่น ปรับปรุงการจดทะเบียนเรือและใบอนุญาต การควบคุมเรือประมงไทยไม่ให้ทำผิดกฎหมายทั้งในน่านน้ำไทยและน่าน้ำสากล และอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลง (MOU) กับรัฐเจ้าของธงอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย รวมถึงดำเนินการตามแนวปฏิบัติโดยสมัครใจเพื่อสนับสนุนการทำประมงขนาดเล็กอย่างยั่งยืนเพื่อความมั่นคงอาหารและการขจัดความยากจน" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งถึงความคืบหน้าของการเข้าร่วมโครงการขจัดปัญหาความอดอยากหิวโหยของประเทศไทย ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้เข้าร่วมโครงการแล้วตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.59 โดยเป้าหมายโครงการฯ ของ FAO ได้กำหนดให้ภายในปี 2568 (ค.ศ.2025) ทั่วโลกบรรลุเป้าหมาย 5 ประการ คือ 1) การเข้าถึงอาหารได้ 100% 2) การหยุดภาวะแคระแกร็นในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี 3) ระบบอาหารทั้งหมดมีความยั่งยืน 4) การเพิ่มขึ้นของรายได้และผลิตผลของเกษตรกรรายย่อย 100% และ 5) การลดจำนวนการสูญเสียอาหารและการทิ้งขว้างอาหารให้เหลือศูนย์
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าร่วมประชุม FAO ครั้งนี้ยังมีโอกาสได้หารือระดับทวิภาคร่วมกับประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น ประเทศลาว และฟิลิปปินส์ เพื่อชวนรัฐมนตรีจากกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย.60 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และยังได้หารือถึงความร่วมกันสนับสนุนการจัดตั้งทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจที่คณะทำงานประมงอาเซียน เพื่อจะได้มีกลไกในการพัฒนานโยบายประมงร่วมอาเซียน ที่ชัดเจนและโปร่งใส ภายใต้การกำกับการดำเนินงานของคณะทำงานประมงอาเซียน ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดร่วมกันในการประชุมรัฐมนตรีเกษตรอาเซียนด้วย และประเด็นสุดท้าย คือ การขยายความร่วมมือด้านวิชาการการเกษตร การแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคด้านการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการค้าและการลงทุนสินค้าเกษตรระหว่างกันมากยิ่งขึ้นด้วย