นายซานดีพ บาตระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเคนดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารซิตี้แบงก์ มองว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการออกเกณฑ์กำหนดเพดานการอนุมัติวงเงินและจำนวนการถือบัตรของลูกค้าที่สมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคาร คงไม่มีผลกระทบมากนักต่อธนาคาร เพราะปัจจุบันธนาคารมีการปรับตัวให้กับกฏเกณฑ์ต่างๆ อยู่ตลอด อีกทั้งฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารซิตี้แบงก์มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท/เดือน ทำให้ธนาคารไม่มีความกังวลในเรื่องกฏเกณฑ์ใหม่ของ ธปท.มากในขณะนี้
"ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเกณฑ์ไหม่ที่แบงก์ชาติจะควบคุมบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลจะมี Impact กับธุรกิจของธนาคารมากน้อยแค่ไหน แต่เราก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะตอนนี้ยังไม่ประกาศออกมาแบบ Official อีกทั้งซิตี้แบงก์มีการปรับตัวอยู่ตลอด เพื่อให้สอดคล้องไปกับเกณฑ์ใหม่ๆของ Regulator ที่ออกมา และฐานลูกค้าของเราก็เป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ มองว่าจะไม่กระทบกับซิตี้แบงก์มากนัก"นายซานดีพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตในช่วงครึ่งปีหลังนี่การแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะธนาคารทุกรายต่างออกแคมเปญและโปรโมชั่นต่างๆเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรให้เพิ่มขึ้น โดยสำหรับซิตี้แบงก์ยังคงเดินหน้าทำแคมเปญและโปรโมชั่น รวมไปถึงการให้สิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อทำให้ลูกค้ารายใหม่มีความสนใจสมัครบัตรเครดิตของซิตี้แบงก์มากขึ้น
ส่วนผู้ถือบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ในปัจจุบันมีการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง และสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของผู้ถือบัตรเครดิตของซิตี้แบงก์ยังคงทรงตัวและไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เพราะธนาคารมีการติดตามและควบคุมดูแลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
นายบาตระ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันธนาคารซิตี้แบงก์มีฐานลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตทั้งหมด 1 ล้านใบ โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 8-10% ต่อปี กลุ่มลูกค้าเป้าหมายยังเน้นเป็นลูกค้าระดับรายได้ปานกลาง-สูง โดยฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท/เดือนขึ้นไป
โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่ธนาคารได้ให้ความสำคัญเป็นบัครเครดิตร่วมกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป คือ บัตรเครดิตซิตี้เอ็ม วีซ่า ซึ่งธนาคารตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตซิตี้เอ็ม วีซ่า ในช่วง 2 ปีนี้ (ปี 60-61) เพิ่มเป็น 500,000 ใบ ซึ่งกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตซิตี้เอ็ม วีซ่า ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงที่สุดในผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตของธนาคารทั้งหมดที่มี และมีการเติบโตของจำนวนบัตรใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์หลัก 3 อย่าง คือ 1. Best In Class Product การเป็นบัตรเครดิตมีคุณสมบัติที่โดดเด่นด้วยสิทธิประโยชน์ยากที่บัตรอื่นๆ จะเทียบเคียง 2.Best Deal in store promotion การทำโปรโมชั่นในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่มอบสิทธิพิเศษที่ดีที่สุดและ 3.Best Customer Relationship Activities หรือการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกบัตรที่ดีที่สุดและมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้บัตรเครดิตซิตี้เอ็ม วีซ่า ประสบความสำเร็จมาตลอด 10 ปี
ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมของบัตรเครดิตซิตี้ทั้งหมดในปัจจุบันมีการเติบโต 2 เท่าของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งอุตสาหกรรม โดยการมาจากการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมทางการตลาดของธนาคารที่มีการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าผู้ถือบัตรมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการจัดโปรโมชั่นในหมวดที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น อาหาร ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของธนาคารในปีนี้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 8-10%