นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.61 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.62 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)และธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 33.55-33.65 บาท/ดอลลาร์
"บาททรงตัวในทิศทางแข็งค่า วันนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ รอดูผลประชุม BOJ วันนี้ และ ECB ตอนช่วงค่ำๆ ... ตลาดคาดว่าผลประชุม BOJ จะไม่มีผลกระทบ ส่วน ECB ต้องรอดูว่าจะส่งสัญญาณเรื่อง QE อย่างไร ซึ่งหากส่งสัญญาณลดวงเงินใน ช่วงปลายปีนี้จะกดดันให้มีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวน" นักบริหารเงิน กล่าว
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.6450 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (19 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.27039% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (19 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.39662%
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 111.83 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 112.07 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1524 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1544 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.6460 บาท/
ดอลลาร์
- นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกประกาศแจงรายละเอียด เรื่อง การจัดทำและการ
ประกาศงบการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (ธนาคารรัฐ) เพื่อจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และใช้
หลักการเดียวกันกับการรายงานงบการเงินของธนาคารพาณิชย์ แต่ให้เพิ่มเติมในการแยกรายงานการดำเนินธุรกรรมตามโครงการ
นโยบายรัฐ (Public Service Account หรือ PSA) เพื่อให้ เกิดความโปร่งใสในการทำงาน
- นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อแนว
โน้มอันดับเครดิตของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทย ว่า การที่วัฏจักรเครดิต (credit cycle)อยู่ในช่วงที่เข้มงวดเรื่อง
คุณภาพเครดิตมากขึ้น น่าจะทำให้ส่วนต่างระหว่างคุณภาพเครดิตที่ต่างกัน (credit spread) กว้างขึ้น ซึ่งบริษัทที่ออกหุ้นกู้ควรมีการ
ปรับตัวเพื่อรับมือกับต้นทุนทางการเงินที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี เปิดเผยว่า หากภาครัฐออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคต
ประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) จะช่วยดึงสภาพคล่องออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยในระดับหนึ่ง เนื่องจากนักลงทุนจะโยกเงิน
ออมระยะยาวไปลงทุน เพราะเชื่อมั่นในฝีมือรัฐบาล ประกอบกับโครงการที่นำเข้ามาในกองทุนเป็นโครงการที่สร้างรายได้แล้วทำให้
นักลงทุนเห็นถึงรายได้และกระแสเงินที่จะไหลเข้ากองทุนอย่างต่อเนื่อง
- นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือผู้มีราย
ได้น้อยช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากขยายตัวและมีความเข้มแข็งขึ้น จากการอัดฉีดเงินผ่านสินเชื่อของสถาบันการเงินของรัฐและเงินจาก
งบประมาณ ถือเป็นมาตรการดำเนินการมาถูกทางแล้ว เพราะทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็งขึ้น สะท้อนได้จากการขยายตัว
การบริโภคภาคเอกชนที่ดีขั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคสินค้าคงทน ได้แก่ รถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ที่ขยายตัวได้ดีทุกภูมิภาค
- นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า เดิมคาดว่าปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด
รายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบธนาคารพาณิชย์จะเริ่มลดลงในปลายปีที่ผ่านมา แต่หนี้เสียกลับเพิ่มขึ้นเพราะเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้น
ตัวอย่างช้าๆ แม้จะต่อเนื่องแต่เติบโตกระจุกตัวทำให้หนี้เสียไม่ลดลง อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงคาดว่าเอ็นพีแอลจะ
เริ่มลดลงในปลายปีนี้
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐพุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบราย
เดือน สู่ระดับ 1.22 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 1.12 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์
คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.16 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) ด้วย
ปัจจัยหนุนจากข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
ยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ โดยยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ
1.1518 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1563 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 111.79 เยน จากระดับ
112.00 เยน
- นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ คาดว่าดอลลาร์จะดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากตลาดจะ
ทำการพิจารณาอีกครั้งต่อปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีมุมมองว่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะดีดตัวขึ้น และขณะนี้ ตลาดได้ปรับตัวรับ
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งจากขณะนี้จนถึงสิ้นปีหน้า
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยภาวะการซื้อขายได้รับปัจจัยกดดันจากการที่
นักลงทุนเทขายทำกำไร นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นทำนิวไฮ ยังส่งผล
ให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้
อย่างใกล้ชิด โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งคาดว่า ECB จะทำการประกาศ
ในเดือนก.ย. ถึงแผนการลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่า BOJ จะมีมติคงมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงรุกไว้ในการประชุมครั้งนี้ แม้ว่า ธนาคารกลางในประเทศมหาอำนาจต่างๆจะหันไปใช้นโยบายที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่า BOJ มีแนวโน้มจะยกระดับ การประเมินภาวะเศรษฐกิจในประเทศ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--