(เพิ่มเติม) รมว.คลัง เชื่อน้ำท่วมเหนือ-อีสานยังไม่กระทบ GDP รอประเมินระยะเวลา-เกิดปัญหาวงกว้างหรือไม่

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 4, 2017 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คงต้องขอประเมินสถานการณ์ก่อนว่าจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้จากที่กระทรวงการคลังประเมินว่าจะขยายตัว 3.5-3.6% อย่างไร โดยจะติดตามระยะเวลาของการเกิดเหตการณ์น้ำท่วมว่าจะยาวนานแค่ไหน และมีความเสียหายเป็นพื้นที่วงกว้างระดับใด แต่อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP ของประเทศมากนัก

สำหรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่าจะเติบโตได้ในระดับ 3.5-3.6% เป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 57 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.8% มาเป็น 2.8% ในปี 58 และ 3.2% ในปี 59

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมองว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมีความจำเป็นอย่างมากที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทย และเติมเต็มความต้องการที่จะทำให้ไทยก้าวไปสู่การเป็น HUB ของ CLMV และเชื่อมโยงภูมิภาคต่อไป

รมว.คลัง มองว่า สิ่งที่ประเทศไทยยังขาดอยู่นั้น คือ เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมีความจำเป็นและเป็นประโยชน์กับประเทศในหลายต่อ ทั้งการช่วยเติมเต็มต้องการที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลาง หรือ HUB ที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV และระดับภูมิภาคในอนาคต

นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศ ซึ่งหากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบองค์รวมแล้ว ก็จะช่วยให้ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยถูกลง และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศไทยดีขึ้น และสุดท้ายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันที่ดีขึ้นด้วย

นายอภิศักดิ์ ระบุว่า นอกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลมองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการลงทุนในส่วนของภาคเอกชนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากพบว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยยังมีความล้าหลัง และขาดการพัฒนาหรือการลงทุนใหม่ๆ ในเรื่องของเทคโนโลยีการผลิต

"เราเป็น S Curve ขาลง เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงบอกว่าจำเป็นที่จะต้องมีการลงทุน และต้องลงทุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยการลงทุนใน 10 S Curve ใหม่ ดูว่าโลกต้องการอะไร ดูขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งเราคิดว่าใน 10 S Curve ที่รัฐบาลเลือกมานั้น ประเทศไทยน่าจะมีความได้เปรียบคู่แข่งอื่น" รมว.คลังระบุ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้พยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ จึงได้มีการจัดตั้งเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขึ้น โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการลงทุน ลดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ และทำให้ EEC เป็นจุดที่ให้การลงทุนของต่างประเทศเข้ามาโดยไม่มีข้อจำกัด และได้บุคลาการที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญ ซึ่งถือว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยในอนาคต

"หลายประเทศสนใจที่จะใช้ EEC เป็น HUB ของอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV...เราจะพัฒนาทั้ง 4 พอร์ตของเราให้เป็นพอร์ตที่รองรับในภูมิภาคได้ ซึ่งจะคล้ายๆ กับรอตเตอร์ดัม ที่เป็นพอร์ตที่สำคัญในยุโรป" รมว.คลัง กล่าว

พร้อมระบุว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือแก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าวรวมทั้งประชาชนในระดับฐานราก แต่ขณะเดียวกันก็ได้พยายามส่งเสริมให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาให้การช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็กอีกทาง โดยรัฐบาลจะออกมาตรการจูงใจ เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทรายใหญ่ที่เข้าไปให้การช่วยเหลือบริษัทรายเล็ก ซึ่งหวังว่าบริษัทรายใหญ่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการพยุงและสร้างโอกาสการพัฒนาให้แก่บริษัทรายเล็กได้ต่อไปในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ