(เพิ่มเติม) ครม.มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ. พัฒนารัฐวิสาหกิจฯ มุ่งยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 8, 2017 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ... (ร่าง พ.ร.บ.พัฒนารัฐวิสาหกิจฯ) ของกระทรวงการคลัง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป

ร่างพ.ร.บ.พัฒนารัฐวิสาหกิจฯ ประกอบด้วยหลักการสำคัญ 6 เรื่อง คือ 1.การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ซึ่งเป็นคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ

2. มีแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องแผนพัฒนาฯ และยุทธศาสตร์ชาติ

3.มีกระบวนการสรรหากรรมการที่ชัดเจน มุ่งเน้นประสบการณืและความรู้ความสามารถที่จำเป็นในการดำเนินการและการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ

4. มีกลไกระบบการกำกับดูแลที่ดี เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้เกิดความโปร่งใสและส่งเสริมความรับผิดชอบในการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล

5.พัฒนาระบบประเมินผลที่เชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติรัฐวิสาหกิจและนโยบายอย่างเป็นระบบ และ 6. จัดตั้ง"บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ" และทำหน้าที่ในฐานะผู้ถือหุ้นเชิงรุก (Active shareholder) เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

นายเอกนิติ กล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจมีความบูรณาการ เป็นระบบ และโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่จะนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดทำบริการสาธารณะที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับประเทศ

ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า เนื่องจากรัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูป โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาดูแล ซึ่งจะไม่มีผลกระทบหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะเป็นครั้งแรกที่มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และมีการจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน มีกระบวนการสรรหากรรมการโดยคำนึงถึงทักษะความสามารถ โปร่งใส มีการบริหารงานด้วยระบบธรรมาภิบาล โปร่งใส และมีระบบประเมินผลงานในทุกระดับ

"กฎหมายฉบับนี้ จะทำให้รัฐวิสาหกิจเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการจัดบริการสาธารณะแก่ประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดความโปร่งใส...กฎหมายฉบับนี้ผ่านขั้นตอนละเอียดมาก คาดว่าน่าจะนำมาใช้ได้ทันในปีงบประมาณหน้า"นายเอกนิติ กล่าว

ทั้งนี้ ตามบัญชีแนบท้ายจะมีการตั้งบรรษัทฯ รับโอนกิจการจากรัฐวิสาหกิจที่มีฐานะเป็นบริษัทจำกัดจำนวน 11 แห่ง จากทั้งหมด 13 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย 1.บมจ. กสท โทรคมนาคม 2.บมจ.การบินไทย (THAI) 3.บริษัท ขนส่ง จำกดั 4. บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) 5. บมจ. ทีโอที 6. บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด 7. บมจ. ปตท. (PTT) 8. บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด 9. บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด 10. บมจ. อสมท (MCOT) และ 11. บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด โดยจะมีรัฐวิสาหกิจ 2 แห่งที่ไม่มีการตั้งบรรษัทฯ คือ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกองทุนฟื้นฟูฯ และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งไม่ใช่กิจการเพื่อการพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ