นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดสรรงบกลางประจำปีงบประมาณ 2560 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำเนินโครงการตามนโยบายสำคัญจำนวน 11 โครงการ ใช้จ่ายเงินจากงบกลางปี 60 วงเงิน 2,225.42 ล้านบาท โดยเป็นแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในปีงบ 60 จำนวน 528.81 ล้านบาท และปีงบ 61 จำนวน 1,696.61 ล้านบาท
โดยโครงการดังกล่าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน 3 โครงการ วงเงิน 1,737.3 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการตามข้อสั่งการจากการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นการจัดการน้ำท่วม และโครงการก่อสร้างพื้นทึ่รับน้ำในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และชลบุรี, 2.โครงการสนับสนุนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นการก่อสร้างและพัฒนาแหล่งน้ำใน จ.พิษณุโลก พัทลุง ศรีสะเกษ เลย อยุธยา สระแก้ว, 3.โครงการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 66 รายการ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติในภาคใต้ 13 จังหวัด
โครงการพัฒนาการเกษตรจำนวน 8 โครงการ วงเงิน 488.12 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการสร้างตลาดเกษตรอินทรีย์ของ อ.ต.ก. ใช้งบประมาณ 9.17 ล้านบาท, 2.โครงการพัฒนาตลาดน้ำ อ.ต.ก.จะมีการสร้างตลาดน้ำเพิ่มขึ้น บริเวณริมคลองบางซื่อ ใช้งบ 25.54 ล้านบาท, 3.โครงการโรงแช่แข็งผลไม้และห้องเย็นของ อ.ต.ก.บริเวณใต้อาคารจอดรถ 6 ชั้น หรือพื้นที่ของ อ.ต.ก.ในภูมิภาค เพื่อจัดตั้งโรงคัดแยกบรรจุภัณฑ์ โรงแช่แข็ง และห้องเย็นมาตรฐาน ใช้งบประมาณ 20.25 ล้านบาท
4.โครงการสนับสนุนการสร้างปัจจัยพื้นฐานรวบรวมและจัดเก็บข้าวเปลือกคุณภาพโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ใช้งบ 232.01 ล้านบาท ดำเนินการในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 100 แห่ง, 5.โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพในสถาบันเกษตรกรในพื้นที่นิคมสหกรณ์ 4 แห่ง โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยจะอุดหนุนเครื่องผสมปุ๋ยอัตโนมัติ ที่เรียกว่าปุ๋ยสั่งตัดแก่สถาบันเกษตรกรจำนวน 4 แห่ง ใช้งบประมาณ 6.53 ล้านบาท, 6.โครงการเพิ่มศักยภาพศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรโดยกรมส่งเสริมการเกษตร ใช้งบ 123.74 ล้านบาท ใช้พื้นที่ศูนย์ ศปก. 882 ศูนย์
7.โครงการสร้างเครือข่ายการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วพันธุ์ดี สนับสนุนการปลูกพืชหลังนาแปลงใหญ่ โดยจะผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่ว 3 ชนิด คือ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง ใช้งบ 16.90 ล้านบาท, 8.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตไข่ไหม โดยกรมหม่อนไหม โดยการสร้างอาคารห้องเย็นจำนวน 5 หลัง และอุปกรณ์การเลี้ยงไหมจำนวน 10 โรง โรงเลี้ยงไหมขนาด 500 แม่พันธุ์ ใช้งบประมาณ 53.94 ล้านบาท