ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.11 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง จับตาเงินทุนไหลเข้า-ติดตามประชุมเฟดช่วงกลางเดือนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 12, 2017 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.11 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.13 บาท/ดอลลาร์

วันนี้ดอลลาร์สหรัฐเริ่มมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะมีผลให้เงินบาทในสัปดาห์นี้จะเริ่มปรับตัวอ่อนค่าไปได้มากกว่าสัปดาห์ที่ ผ่านมา แต่ทั้งนี้คงไม่เคลื่อนไหวมากนัก เพราะในรอบสัปดาห์นี้ยังไม่มี event สำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางของเงินบาทมากนัก คงต้องรอ ติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ มากกว่า

"บาทมีโอกาสจะปรับอ่อนค่าได้ หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่า แต่ทั้งนี้คงอ่อนค่าไปได้ไม่ไกลจากสัปดาห์ก่อน มากนัก เพราะการแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงนี้ ไม่ได้มีผลต่อบาทมากนัก เนื่องจากยังคงมี inflow ในตลาดพันธบัตรระยะสั้นของ ไทย" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.15 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.35 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 108.47 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1951 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2013 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.1280 บาท/
ดอลลาร์
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ขณะ
นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายน้อยกว่าที่ตลาดประมาณการไว้

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1965 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2028 ดอลลาร์ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.32 เยน จากระดับ 107.80 เยน

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์
ที่ปลอดภัย หลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลายลง ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือไม่ได้ยิง
ขีปนาวุธหรือทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ การอ่อนกำลังลงของพายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ยังเป็นอีกปัจจัยที่
ทำให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำเช่นกัน
  • นักวิเคราะห์ ระบุว่า พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาและฮาร์วีย์ที่พัดถล่มรัฐฟลอริดา เท็กซัส และลุยเซียนาในช่วงไม่กี่
สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทำให้นักลงทุนได้ระมัดระวังการซื้อขาย เนื่องจากอยู่ในระหว่างประเมินผลกระทบของวาตภัยเหล่านี้ นอกจากนี้
ภัยพิบัติดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่
ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ
(QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ รวมทั้งคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์ ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 ส.ค.
ที่ผ่านมา
  • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NEIESR) คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในช่วงต้นปีหน้า พร้อมกับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มขยายตัว 0.4% ในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค.
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนส.ค.
โดย NFIB, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., ยอดค้า
ปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ