กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ส.ค.60 โดยการส่งออกมีมูลค่า 21,224 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.2% สูงสุดในรอบ 55 เดือน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,134 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.9% ส่งผลให้ดุลการค้าการเดินราว 2,090 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปี 60 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 153,623 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 8.9% นำเข้ามีมูลค่า 144,750 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.4% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลา 8,873 ล้านเหรียญสหรัฐ
กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 สำหรับสินค้าที่มีการขยายได้ดีจากทั้งปริมาณและราคา ได้แก่ ยางพารา น้ำตาลทราย และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ขณะที่การส่งออกข้าว และผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูปขยายตัวได้ดีจากด้านปริมาณเป็นสำคัญ สำหรับกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยสินค้าที่มีการขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และแผงวงจรไฟฟ้า
การส่งออกไปตลาดสำคัญๆ ยังคงขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวในทุกตลาดสำคัญ โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักขยายตัวถึง 7.5% โดยเฉพาะ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่ขยายตัว 7.4%, 11.7% และ 3.7% ตามลำดับ
สำหรับตลาดศักยภาพสูงขยายตัว 16.4% จากการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่องของตลาดจีนที่ 25.5% เช่นเดียวกับตลาด CLMV และเอเชียใต้ที่ขยายตัวสูงถึง 17.2% และ 31.5% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดไต้หวัน เกาหลีใต้ ฮ่องกง และอาเซียน ขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ 26.4%, 16.4%, 9.2% และ 6.5% ตามลำดับ
ด้านตลาดศักยภาพระดับรอง หดตัว 0.9% ตามการส่งออกไปทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา หดตัว 2.9%, 6.8% และ 8.7% ตามลำดับ
กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยทั้งปี 60 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน และสหรัฐฯ รวมถึงคู่ค้าสำคัญในแถบอาเซียนที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง จะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และยางพารา ซึ่งหากทิศทางการขยายตัวของการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ ก็จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 60 สามารถขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท คาดว่าไม่น่าจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก เนื่องจากเป็นการแข็งค่าทั้งภูมิภาค แต่ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม