นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวภายหลังนายวิลเบอร์ รอสส์ (Mr. Wilbur Ross) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา พร้อมผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ อาทิ นายเกล็น เดวีส์ (Mr.Glenn Davies) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และผู้แทนระดับสูงจากทำเนียบขาว เข้าพบหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเครือเจริญโภคภัณฑ์เกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐฯว่า ได้นำเสนอนโยบายการดำเนินธุรกิจของซีพี ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างซีพี กับภาคธุรกิจสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานมายาวนานทั้งด้านเกษตรอุตสาหกรรม การค้าปลีก นับตั้งแต่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้นำเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่แบบทันสมัยจากสหรัฐฯ เข้ามาบุกเบิกในประเทศไทยเมื่อกว่า 40 ปีก่อน และได้ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในจีน ตราบจนปัจจุบันที่มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างบริษัทในเครือซีพีกับสหรัฐฯ นั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และล่าสุด รวมถึงการลงทุนในกิจการ Bellisio Food ในปีที่แล้วมีมูลค่ากว่า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังจะเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐฯ ด้วยการส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยต่อยอดจากธุรกิจที่เครือฯ ไปลงทุน อาทิ Bellisio
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวได้สอดคล้องกับหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของซีพี ที่ต้องคำนึงถึงการสร้างประโยชน์ต่อทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน ประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศนั้น ๆ และลำดับสุดท้ายจึงเป็นประโยชน์ขององค์กร
"การหารือครั้งนี้นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ผู้แทนระดับสูงเช่นนาย Ross สละเวลาเข้าพบพันธมิตรทางธุรกิจในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยตนเอง เพื่อหาลู่ทางทางการค้าใหม่ ๆ ทั้งนี้ เครือซีพีในฐานะภาคเอกชนของไทยพร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในเจริญก้าวหน้าต่อไป"
นอกจากนี้ ผู้แทนฝ่ายสหรัฐฯ ได้หารือเกี่ยวกับเทคนิคในการนำธุรกิจของสหรัฐฯมาเจาะตลาดในภูมิภาคอาเซียน หัวข้อการหารืออื่น ๆ มี อาทิ การส่งเสริมอาหารไทยให้เป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ รวมถึงการเชิญชวนให้สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสนับสนุนนโยบาย Thailand 4.0 เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนของภาคธุรกิจไทยในสหรัฐฯ รัฐมนตรี Ross ให้คำมั่นว่า นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันพร้อมที่จะส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ ให้แก่บริษัทเอกชนจากต่างชาติอย่างเต็มที่